ชายขับรถลากอดีตครูพละจนล้มอ้างไม่ได้ตั้งใจหนี แค่จะรีบไปเยี่ยมพี่ชายที่ป่วย ยอมชดใช้ทุกอย่าง

                ความคืบหน้ากรณีอดีตครูพละวัย 70 ปี ถูกคู่กรณีขับรถชนท้ายแล้วไม่ยอมอยู่เจรจา จะขับรถหนี จนอดีตครูพละที่จับประตูรถไว้ ถูกลากไปไกลกว่า 5 เมตร แล้วเสียหลักล้มกลิ้งไปกับพื้นถนนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งผู้เสียหายไปแจ้งความที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี  

            ล่าสุด วันนี้ (12 ธ.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น. นายสมเกียรติ อายุ 70 ปี อดีตครูพละ และนางรติยา อายุ 67 ปี ภรรยา นัดเจรจากับนายติ๊ก อายุ 58 ปี คู่กรณี  ที่ สภ.บางใหญ่  ซึ่งนายติ๊กยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่ผู้เสียหายไม่ยอมตกลงด้วย เพราะจะดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง

            นางรติยา กล่าวว่า จากการที่ได้พูดคุย  ทางคู่กรณียินยอมจะชดใช้ค่าเสียหายต่างๆให้ รวมทั้งจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลและเยียวยา  แต่ตนไม่รับ  เพราะค่าเสียหายต้องรอให้ทางบริษัทประกันมาประเมินความเสียหายก่อน  และจะต้องชดใช้ในส่วนนี้อยู่แล้ว   ส่วนค่ารักษาพยาบาลและเงินเยียวยา  ครอบครัวตนไม่ต้องการ ไม่ยอมรับ  เพราะคู่กรณีอ้างว่าไม่มีเจตนา แต่พฤติกรรมขับรถเหวี่ยงคนที่เกาะประตูรถอยู่จนล้มลงไปบนถนนและยังไม่จอดรถลงมาดู  ก็ถือว่ามีเจตนาทำร้ายร่างกายแล้ว ตนจะไม่ปล่อยให้คนแบบนี้อยู่ในสังคมและไปทำกับคนอื่นอีก  จึงมาแจ้งความเพิ่มเติมในคดีทำร้ายร่างกายด้วย  เพื่อให้ตำรวจดำเนินคดี  โดยทางเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาทั้งหมด 2 ข้อหา  คือ ขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทำร้ายร่างกาย หลังจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฏหมาย

          ด้านนายติ๊ก คู่กรณี กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า วันเกิดเหตุตนจะไปเยี่ยมพี่ชายที่ป่วยหนักที่โรงพยาบาล จึงต้องรีบออกรถไป แต่ได้มีการพูดคุยกันแล้วว่าจะรับผิดชอบ  ซึ่งอีกฝ่ายบอกว่าต้องรอประกันก่อน  แต่ตนมีความจำเป็นจะต้องขับรถออกไป  เพราะจะรีบไปเยี่ยมพี่ชายที่ป่วยเป็นมะเร็ง  ตอนขับรถออกมานั้นก็เห็นคู่กรณีเกาะอยู่ที่ประตู  แต่สักพักก็ปล่อยมือ  ซึ่งไม่เห็นจริงๆว่า คู่กรณีล้มลงไปบนถนน  จนช่วงเย็นมาเห็นคลิป  ก็รู้สึกผิดและอยากจะขอโทษ  ซึ่งในวันนี้ก็ได้พูดคุยและขอโทษไปแล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้น  ยืนยันว่าไม่ได้ขับหนี   แต่ต้องรีบไปเยี่ยมพี่ชายจริงๆ  ซึ่งตนพร้อมจะชดใช้และจ่ายค่าเสียหายเยียวยาให้ทุกอย่าง แต่อีกฝ่ายต้องการดำเนินคดี ก็ขอน้อมรับ ไม่ว่าศาลจะสั่งฟ้องสั่งปรับอย่างไรตนก็ยอม และอยากขอโทษทางผู้เสียหายอีกครั้ง เพราะไม่มีเจตนาจริงๆ