ผบ.ตร.สั่งตั้งกก.สอบ 3 นายพล เอี่ยวคดีจีนเทา - เร่งสอบเส้นทางเงิน 'ตู้ห่าว' ตั้งข้อหาฟอกเงิน

ความคืบหน้ามาตรการกวาดล้างทุนจีนสีเทา หลังจากเมื่อวานนี้ ป.ป.ส. ได้แถลงผลยึดทรัพย์ นายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือนายตู้ห่าว กว่า 3,000 ล้านบาท โดยมีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไปร่วมรับฟังในฐานะเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลลับกลุ่มทุนจีนสีเทา ที่เข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายหลายกลุ่ม พร้อมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการทำคดีของตำรวจ หลังจากยังไม่มีการตั้งข้อหาฐานฟอกเงินกับนายตู้ห่าว วันนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ได้ออกมาทำความเข้าใจเรื่องนี้



พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าจะตั้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานและประสานงานกับธนาคารเรื่องข้อมูลเส้นทางการเงินเพื่อนำมาประกอบ สำนวนคดี ซึ่งการที่นายชูวิทย์ ออกมาตำหนิและบอกว่าไม่มั่นใจการทำงานนั้นส่วนตัวไม่ได้โกรธหรือน้อยใจนายชูวิทย์ เพราะเชื่อว่านายชูวิทย์ มีความเป็นห่วงและกังวลเกี่ยวกับเรื่องคดี



ส่วนกรณีที่ ระบุว่านักท่องเที่ยวจีนที่ถูกจับที่ผับจินหลิงกว่า 200 คน แต่ผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงเพียง 6 คนนั้น เชื่อว่าข้อมูลอาจจะคลาดเคลื่อน เพราะเป็นไม่ได้ที่จะมีปัสสาวะสีม่วงแค่ 6 คน เพราะการตรวจปัสสาวะมีตั้งแต่วันแรกและนำผลเข้าประกอบสำนวนอยู่แล้ว ดังนั้นไม่มีใครสามารถไปเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดได้



และขณะนี้ตำรวจ มีการขยายผลต่อเนื่องทุกวัน มีการตรวจค้นไปแล้ว 53 จุดทั่วประเทศ ส่วนใหญ่เป็นมูลนิธิที่มีความเชื่อมโยงกับการที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองอำนวยความสะดวกเรื่องวีซ่า ซึ่งชุดทำงานออกหมายเรียก 27 หัวหน้าสถานีตรวจคนเข้าเมืองนำเอกสารและมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยพบว่ามีความผิดอย่างชัดเจน เช่น การอนุมัติให้อยู่ต่อในประเทศ พบว่ามีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า 10 นาย เข้าข่ายกระทำความผิดซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง



พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่าเมื่อวานนี้ ได้เชิญ พ.ต.อ.หญิง ภรรยาของนายตู้ห่าว มาให้ปากคำซึ่งพ.ต.อ.หญิง คนดังกล่าวได้เข้ามาพร้อมกับทนายความและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินของนายตู้ห่าว ส่วน3นายพลตำรวจอดีตผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่เพื่อนร่วมรุ่นนรต.47 จะเชิญมาให้ปากคำเร็วๆนี้ หลังถูกพาดพิงเรื่องเอื้อวีซ่าทุนจีนด้วย



ซึ่งทางพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งตั้งจเรตำรวจและคณะกรรมการรวม 10 คน ขึ้นมาตรวจสอบ 3 นายพลนั้น ได้มีการพูดคุยหารือกับ ผบ.ตร.แล้ว ซึ่งจเรตำรวจก็จะเป็นคณะกรรมการที่ตั้งมาสืบสวนสอบสวนเรื่องวินัยความผิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากพบว่ากระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบซึ่งโทษร้ายแรงสุดคือไล่ออก และจะดำเนินคดีอาญาคู่ขนานกันไป ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย