จับคนร้ายชิงทรัพย์ร้านทองที่สมุทรสงคราม พบเคยก่อเหตุแบบเดียวกันเมื่อต้นเดือน พ.ย. อยู่ระหว่างประกันตัวยังก่อเหตุซ้ำ

    ความคืบหน้ากรณีคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทองของร้านทองกลางตลาดแม่กลอง เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้แล้ว พบว่าเคยก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน อยู่ระหว่างการประกันตัว ก็ยังมาก่อเหตุซ้ำ

               โดยหลังเกิดเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ร้านทอง  “ห้างทองแสงเจริญดี” ที่ตลาดแม่กลอง เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.  ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสงคราม ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด แล้วพบว่า คนร้ายคือนายปรีชา อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ร้านทองคูเม่งเฮง 2 ตลาดแม่กลอง  ก่อเหตุเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา  ได้สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท 1 เส้น มูลค่า 90,000 บาท  หลังก่อเหตุ ขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้างหลบหนี แล้วนำทองไปขายร้านทองอีกแห่งที่อยู่ในห้าง  แต่ตำรวจจับได้ทันควัน ภายใน 3 ชั่วโมงหลังก่อเหตุ  สารภาพว่า จะเอาเงินไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมาซื้อจักรเย็บผ้า หลังถูกจับกุม ตำรวจนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และส่งตัวดำเนินคดี เพิ่งได้รับการประกันตัวออกมา เมื่อ 2 วันก่อน  

          จากนั้นช่วงเที่ยงวันที่ 9 ธ.ค. นายปรีชา ก็กลับมาก่อเหตุชิงทรัพย์ที่ห้างทองแสงเจริญดี ในตลาดแม่กลอง อยู่ห่างจากร้านแรกที่ก่อเหตุประมาณ 150 เมตร ได้สร้อยคอทองคำไป 5 เส้น น้ำหนักรวม 13 บาท มูลค่า 390,000 บาท  แต่ถูกน้องสาวเจ้าของร้านขัดขวาง ทำให้นายปรีชาต้องโยนสร้อยทิ้ง แล้วหนีไป จนกระทั่งถูกจับกุมได้วันนี้ (10ธ.ค.) ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร  ให้การกับตำรวจว่า มีอาชีพรับจ้างเย็บผ้า และกู้เงินมาซื้อจักรเย็บผ้าร่วมกับพี่ๆน้องๆ แต่รายได้ไม่ดี หนี้สินเพิ่มขึ้น จึงก่อเหตุ  

           พ.ต.อ.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ ผู้กำกับการ สภ.เมืองสมุทรสงคราม  กล่าวว่า  คนร้ายให้การว่า ที่เลือกร้านทองดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีผู้หญิงขายทองกันตามลำพัง ไม่มีลูกกรงกั้น และประตูกระจกเปิดอ้าทิ้งไว้  จึงฝากเตือนร้านทองให้เพิ่มมาตรการป้องกันทรัพย์สิน เช่น กล้องวงจรปิด ติดตั้งลูกกรงเหล็ก ประตูกระจกที่ล๊อคได้จากรีโมท เป็นต้น   ส่วนคนร้าย เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา "ชิงทรัพย์และทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตรายทั้งร่างกายและจิตใจ" ก่อนนำตัวไปดำเนินคดี