สังคม

หนุ่มคลั่งยาอาละวาด ปามีดใส่กระจกรถยนต์-ฟันจยย.เสียหาย ซ้ำเกือบทำร้ายหลานชาย ป้าห้ามทัน

โดย paranee_s

3 ธ.ค. 2565

55 views

จากกรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2” โพสต์ภาพชายคนหนึ่งพร้อมภาพรถยนต์และรถจักรยานยนต์สภาพได้รับความเสียหาย พร้อมข้อความระบุว่า “พิษภัยยาเสพติด ชายเมายาคลั่งยาบ้าบ้านสงเปือยและบ้านฮ่องเดื่อ ตำบลบึงเนียม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่นยาบ้าเย่อะมากครับเปิดประตูบ้านขายกันเลย...ล่าสุดมีชายเมายาคลั่งใช้มีดไล่ฟันประชาชนยายแก่ๆ ต้องอุ้มหลานชายที่อยู่อนุบาลวิ่งหนีและยังขู่ฆ่าตำรวจอีก ตอนนี้ยังหลบหนีและยังจับไม่ได้ครับ ชื่อ อ๊อฟ อยู่บ้านฮ่องเดื่อ กราบขออภัยที่ไม่มีรูปคนร้ายคนรับ ฝากเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลด่วนเลยครับ...ก่อนที่จะเกิดเหตุกับเด็กๆ ครับขอร้องละครับท่าน ชายคลังเมายาแล้วอาละวาดใช้มีดไล่ฟันประชาชน...ที่บ้านฮ่องเดื่อ ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น”


ต่อมาเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 3 ธ.ค.2565 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปพบกับ นางสาว จันทร์แรม อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 บ้านฮ่องเดื่อ หมู่ 9 ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น เจ้าของโพสต์และเป็นพี่สะใภ้ของผู้ก่อเหตุ คือ นายธนาวัฒน์ อายุ 27 ปี ซึ่งขณะนี้หลบมาอยู่บ้านญาติอีกหมู่บ้านหนึ่ง เนื่องจากกลัวว่าผู้ก่อเหตุจะตามมาทำร้าย หากยังจับตัวไม่ได้


โดยเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ช่วงสาย ๆ เมื่อวานที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุมีอาการคลุ้มคลั่ง เตรียมอาวุธและมีดทุกอย่าง ก่อนเรียกลูกน้องของตนเองมากินข้าวด้วย ลักษณะเหมือนหลอนยาวางแผนจะฆ่า ซึ่งก่อนหน้านี้ก็พยายามจะฆ่าลูกน้องคนนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง


ซึ่งผู้ก่อเหตุถือมีดเข้ามา แล้วเตะเข้าที่หน้าลูกน้องจนกามหัก แล้วเอามีดมาจะปาดคอลูกน้อง แต่ลูกน้องเอามือปัดได้ทัน ทำให้มีดบาดมือได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะบอกลูกน้องว่าฝากบอกลูกพี่มึงด้วย รายต่อไปจะเป็นลูกพี่มึง ก่อนที่ลูกน้องจะมาขอความช่วยเหลือ


ตนเองจึงพาเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองไหม ซึ่งเหตุการณ์เมื่อวานนั้น ผู้ก่อเหตุได้มาเรียกทุกคนกินข้าวด้วย มาชวนคุย แต่ลูกน้องของตนเองไม่สนใจ รวมทั้งตนเองสามีและลูกน้องอีกคน เป็น 4 คน เพราะรู้ว่าเขามีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและดื่มสุราเป็นประจำ คิดไปเองหลอนไปเอง จึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดคุยไม่สนใจ


พอทุกคนขึ้นรถออกจะไปทำงาน ผู้ก่อเหตุปาขวดเครื่องดื่มชูกำลังมาใส่รถเสียงดัง ทุกคนหันไปมองพบว่าผู้ก่อเหตุกำลังปามีดสปาต้ายาวประมาณ 50 เซนติเมตรมาใส่รถ โดยมีดไปโดนกระจกรถด้านหลังแตกแล้วมีดเด้งกลับไปตกอยู่ท้ายรถ พอผู้ก่อเหตุหยิบมีดพยายามจะเดินมาด้านหน้า ตนเองจึงบอกให้สามีรีบขับรถออกไปก่อน เพราะคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แล้วไปจอดตั้งหลักด้านหน้า ตนเองนึกได้ว่า ลูกชายกับย่าอยู่บ้านเพิ่งกลับมาจากวัด จึงรีบกลับไปดู พบว่า


ย่ากอดผู้ก่อเหตุเอาไว้แล้วบอกอย่าทำหลาน ซึ่งเป็นลูกชายของตนเอง เหมือนผู้ก่อเหตุจะมีสติขึ้นมาจึงเบนไปหารถจักรยานยนต์ของครอบครัวแล้วเอามีดฟันได้แตกเสียหาย


โดยก่อนที่ย่าจะกอดผู้ก่อเหตุเอาไว้นั้น ผู้ก่อเหตุเอามีดชี้หน้าลูกตนเอง แล้วบอกว่าจะเอาไหม ก่อนที่ย่าจะเข้าไปกอด เพราะย่าเป็นคนที่เลี้ยงผู้ก่อเหตุมากับมือจนถึงตอนนี้ ทำให้เขามีสติขึ้นมาบ้าง


พอแฟนกับลูกน้องกลับมาบ้านจึงพาทั้งคู่มาอยู่ในที่ปลอดภัย ตอนนี้ทราบว่าผู้ก่อเหตุกลับมาบ้านแล้ว เบื้องต้นโทรไปบอกผู้ใหญ่บ้าน ทางผู้ใหญ่บ้านก็ได้เข้าไปดูและบอกกับตนเองว่าพรุ่งนี้จะพามอบตัว คิดว่าฤทธิ์ยาน่าจะเริ่มหมดแล้ว


ที่ผ่านมาผู้ก่อเหตุมีครอบครัวมีลูก มีเมีย แต่ก็ทนพฤติกรรมไม่ไหว เนื่องจากยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บวกกับฤทธิ์ของสุราผสมเข้าไป เมายาอาละวาดตีภรรยาจนต้องหอบลูกหนีไป เมื่อมาอยู่กับแม่กับน้องชาย ก็ยังมีพฤติกรรมนิสัยใช้ความรุนแรงจนแม่และน้องหนีไปอยู่ที่อื่น


หลังจากทนพฤติกรรมมานานกว่าครึ่งปี สามีตนเองซึ่งเป็นพี่ชายผู้ก่อเหตุ รวมทั้งญาติพี่น้องคนอื่น ๆ ต่างช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ ให้อาหารและหาเงินให้ใช้ แต่หลังจากที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และติดสุรา พอทั้งเสพยาและดื่มสุราผสมกัน ทำให้ผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมหลอน คิดว่าคนอื่นมาทำข้าวของพังบ้าง มาหาเรื่องบ้าง ต่างๆ นานา จนกระทั่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเหตุล่าสุด


ผู้เสียหาย บอกอีกว่า สาเหตุที่ผู้ก่อเหตุเป็นเช่นนี้ไม่ได้มาจากความกดดันอะไร แต่มาจากยาเสพติด ทุบทำลายรถตัวเองแล้วหลอนว่าชาวบ้านคนอื่นเป็นคนทำ ก็ไปหาเรื่องไล่ทำร้าย


อย่างลูกน้องของตนเองก็โดนตามฆ่า เมื่อ4-5วันที่ผ่านมา แต่ทางตำรวจยังไม่สามารถดำเนินคดีให้ได้ เนื่องจากยังไม่เกิดเหตุรุนแรง จึงลงบันทึกประจำวันเอาไว้ โดยทางตำรวจได้แจ้งว่าหากผู้ก่อเหตุอาละวาดอีกให้รีบแจ้ง และก็เกิดเหตุขึ้นจริงๆ จึงโทรแจ้งตำรวจ และทางตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุทันที


แต่ยังเข้าควบคุมตัวไม่ได้เนื่องจากผู้ก่อเหตุถือมีดอยู่ จึงพากันกลับไปรับกำลังเสริมพร้อมอุปกรณ์มา แต่ไม่มีตำรวจคอยอยู่เฝ้าไว้ กลับไปกันหมด ทำให้นายออฟหลบหนีไปได้


โดยตำรวจกระจายกำลังกันออกติดตามแต่ก็ไม่พบ กระทั่งช่วงกลางดึก มีชาวบ้านโทรมาบอกว่านายออฟกลับมาแล้ว ตนเองจึงโทรบอกผู้ใหญ่บ้าน เพราะไม่มีเบอร์ตำรวจ ทางผู้ใหญ่บ้านก็เข้าไปดูและโทรกลับมาบอกว่าตอนเช้าจะพานายออฟมอบตัว


ตอนนี้รู้สึกหวาดกลัว ระแวง ลูกชายก็นอนผวา และคิดว่าใช้ชีวิตอยู่ตามปกติไม่ได้ หากนายออฟยังไม่ถูกดำเนินคดี เพราะไม่รู้ว่าจะอาฆาตแค้นอะไรตนเองอีกหรือไม่ อาจจะถูกดักทำร้ายถึงขั้นเอาชีวิตอีก และภายหลังทราบว่านายออฟถูกจับก็โล่งใจ หลังจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของตำรวจ


ขณะเดียวกัน เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ผ่านมา (3 ธ.ค.2565) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองไหม พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้าน และญาติพี่น้องได้พา ผู้ก่อเหตุ ซึ่งคุมตัวมาที่สภ.เมืองไหม ก่อนจะพาไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเข้าไปด้านใน


โดยผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.สุภารัตน์ อายุ 41 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 และ นายเอจน (อ่านว่าเอด) พบวงษา อายุ 68 ปี ลุงของผู้ก่อเหตุ ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับญาติๆ อีกหลายคน พาผู้ก่อเหตุ มาส่งตำรวจ เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดยาเสพติด ภายหลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา และได้เข้าไปพูดคุย ตกลงกันว่าจะพาเข้าสู่กระบวนการบำบัด และผู้ก่อเหตุก็ยินยอม โดยได้ประสานทางตำรวจ สภ.เมืองไหมเข้ามาพาตัวไป


นางสุภารัตน์ 41 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านฮ่องเดื่อ หมู่ 9 และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายออฟ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ผู้ก่อเหตุ ดื่มสุราจนเมา และมีการเสพยาบ้าเข้าไปด้วย มูลเหตุมาจากเป็นพี่น้อง มีปัญหาทะเลาะกับพี่สะใภ้ตัวเองมาตลอด เพราะอาศัยอยู่ที่บ้านด้วยกัน เป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมามาตลอด เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน


วันเกิดเหตุก็มีปากเสียงกัน ผู้ก่อเหตุจึงอาละวาดทุบทำลายรถตัวเอง ในส่วนที่พี่สะใภ้บอกว่าออฟเคยทำร้ายคนอื่นนั้น ไม่จริง เพราะทุกคนจะเห็นพฤติกรรมของออฟทั้งหมด ก็ไม่เคยเห็นว่าเอามีดไปทำร้ายใครจนมีเรื่องถึงโรงพัก


ส่วนวันนี้ได้พานายออฟมาหาตำรวจเพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดยาเสพติด ในส่วนของการทำลายทรัพย์สินนั้นค่อยมาคุยกันอีกครั้งเนื่องจากเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกันในครอบครัวไม่ใช่ทำความเสียหายให้คนอื่น และที่มีข้อมูลต่างๆ ในโซเชียลนั้นไม่เป็นความจริงเป็นเรื่องที่เกินจริงไปมาก


ขณะที่นายเอจน อายุ 68 ปี ลุงของผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตกลงกันในครอบครัวว่าจะพาผู้ก่อเหตุ ส่งเข้ารับการบำบัดยาเสพติด ในส่วนที่บอกว่ามีการลงในโซเชียลนั้น ตนเองก็ไม่ทราบเพราะไม่ได้เล่นไม่ทันเทคโนโลยี แต่ในความเป็นจริงนั้นไม่มีอย่างแน่นอน ในเรื่องของการเอามีดไปทำร้ายคนอื่น มีเมื่อสัปดาห์ก่อนที่มีเรื่องชกต่อยกัน แต่ก็ปรับความเข้าใจกัน เหตุการณ์ก็จบไปแล้ว และไม่ได้มีการเอาเรื่องหรือแจ้งความแต่อย่างใด


ห่างมาประมาณ 3-4 วัน ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น รอบก่อนนั้นยังไม่ได้รุนแรงก็ไม่ได้ส่งตัวบำบัด แต่ในเหตุการณ์ครั้งนี้รุนแรงขึ้นจึงได้พูดคุยกันในครอบครัว ว่าจะพาผู้ก่อเหตุ เข้าสู่การบำบัดยาเสพติดให้เป็นคนดีกลับคืนสู่สังคม ตนเองในฐานะที่เป็นลุง ก็เห็นพฤติกรรมหลานชายมาตลอด เพราะเป็นคนที่เลี้ยงมากับมือ


ผู้ก่อเหตุ จะรักตนเองและภรรยาตนเอง คือป้ามาก จนเรียกตนเองว่าพ่อ และทุก ๆ วันก็จะหาข้าวหาน้ำให้กิน เอาเงินให้ใช้ ส่วนนายออฟทำงานขับรถไถรับจ้าง แต่พอยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเมื่อไม่นานมานี้ก็เริ่มเปลี่ยน อีกทั้งมีสุรามาผสมด้วยก็จะมีโวยวาย อาละวาดในครอบครัว มีปากเสียงกันบ้างแต่ก็ช่วยกันดูแลเอา แต่ไม่เคยไปทำร้ายคนอื่น จะมีเหตุเกิดขึ้นในครอบครัวเท่านั้น


และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มีความรุนแรงจึงได้พานายออฟส่งตำรวจเพื่อเข้าสู่การบำบัดยาเสพติด เพราะยังหวังว่าหลานจะกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม ยังหวังที่จะให้หลานชายคนนี้มาคอยช่วยเหลือในยามตัวเองและภรรยาแก่เฒ่า ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ได้มีความรุนแรงตามที่มีข่าวในโซเชียล


ด้าน พ.ต.อ.รัชพล บุญนาค ผกก.สภ.เมืองไหม กล่าวว่า ภายหลังจากตำรวจได้รับแจ้งเหตุ ก็นำกำลังเข้าตรวจสอบ พบว่าผู้ก่อเหตุมีมีดในมือ จึงพยายามเกลี้ยกล่อมพร้อมเรียกกำลังเสริม แต่ผู้ก่อเหตุหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ได้ ทางตำรวจจึงได้วางกำลังเฝ้าติดตามจับกุมตัวบริเวณบ้านพักของผู้ก่อเหตุ ก่อนที่ช่วงสายของวันนี้ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านจึงนำกำลังเข้าควบคุมตัวผู้ก่อเหตุสู่กระบวนการบำบัดยาเสพติด เนื่องจากเป็นเหตุในครอบครัว ทางญาติของผู้ก่อเหตุรวมทั้งผู้ใหญ่บ้านได้ประสานขอนำตัวเข้าสู่กระบวนการบำบัดยาเสพติดตามขั้นตอน


โดยทางตำรวจก็จะนำตัวไปตรวจปัสสาวะหารสารเสพติด พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะหน่วยงานด้าน สสจ.ที่ดูแลรับเป็นผู้ป่วยเข้าสู่การบำบัดตามขั้นตอน


ในส่วนของทางคดีนั้น จากการลงพื้นที่ตรวจสอบเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว มีปากเสียงแล้วทำลายทรัพย์สินเป็นรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของคนในครอบครัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทางครอบครัวที่จะพูดคุยกัน หากมีผู้เสียหายต้องการเรียกร้องตามสิทธิ์ก็สามารถแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีได้ ทางตำรวจก็จะดำเนินการตามขั้นตอนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

แท็กที่เกี่ยวข้อง  หนุ่มคลั่งยา ,ขอนแก่น

คุณอาจสนใจ

Related News