สังคม

ครอบครัวนักเรียน วอนจ่ายเงินเยียวยา 2 พี่น้องขับจักรยานยต์ข้ามแยก ถูกเก๋ง ผอ.รร.พุ่งชนสาหัส

โดย paranee_s

2 ธ.ค. 2565

51 views

เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (2 ธ.ค. 65) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้าน ม.15 บ้านห้วยยางศรีวิไล ต.ดงเมืองแอม อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น บ้านของนายบุญรวม อายุ 46 ปี และนางวิษา อายุ 38 ปี พ่อแม่ของ 2 นักเรียนหญิง อายุ 17 ปี และ 13 ปี นักเรียนชั้น ม. 5 และ ม. 1 ซึ่งประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีขาว ทะเบียนนครราชสีมา ชนกับรถจักรยานยนต์ที่ลูกสาวขับขี่กลับจากโรงเรียน บริเวณสามแยกบ้านนาค้อ ช่วงเย็นวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา


หลังจากที่ มีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 โพสต์คลิปอุบัติเหตุ พร้อมข้อความทว่า “ช่วยดูคลิปอุบัติเหตุนี้หน่อย ใครผิด...ขอคำแนะนำอยากขอปรึกษาหน่อยครับ เรื่องลูกถูกรถชนครับเรื่องมีอยู่ว่าลูกสาวสองคนคนเล็กเรียน ม.1 คนโตเรียน ม.5 เลิกเรียนจะกลับบ้านขับจักรยานยนต์ออกจากทางแยกเขามาทางตรงชนรถลูกสาวผม ดูคลิปแล้วเขาว่าลูกสาวผมผิด ลูกสาวผมสาหัสทั้งสองคนยั่งงี้ผมจะเรียกร้องอะไรได้บ้างไหมครับ”


โดยเมื่อถึงบ้านหลังดังกล่าว ก็พบบุตรสาวของนายบุญรวมนอนอยู่บนเตียง โดยลูกสาวคนโตเป็นนักเรียนชั้น ม. 5 ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างขวา ซึ่งแพทย์ทำการรักษาผ่าตัดดามเหล็กให้ ยังไม่สามารถเดินและช่วยตัวเองได้


ในขณะที่ลูกสาวคนเล็ก นักเรียนชั้น ม. 1 โรงเรียนเดียวกันกับพี่สาว ก็นอนอยู่บนที่นอน มีมารดาคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และบาดเจ็บที่ขาขวา กรามหัก ยังไม่สามารถขยับกรามได้ มารดาต้องบดอาหารให้รับประทาน


นายบุญรวม เผยว่า กลุ้มใจ และสงสารลูก เพราะตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ ลูกต้องขาดเรียน ไม่ได้ไปเรียนหนังสือทั้งสองคน โดยเฉพาะลูกสาวคนเล็ก ในวันเกิดเหตุได้รับบาดเจ็บ สลบไม่ได้สติ และแพทย์ได้ทำการปั๊มหัวใจ จนรู้สึกตัวกลับคืนมา จากนั้นก็ส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ศรีนครินทร์ เป็นเวลา 8 วัน


ส่วนลูกคนโต ก็อาการสาหัส ถูกส่งไปรักษาตัวที่ รพ.ศรีนครินทร์ เช่นกัน และแพทย์ได้ดามเหล็กที่ขาข้างขวาให้เพราะขาหัก รักษาตัวในโรงพยาบาล 4 วันก็ออกจากโรงพยาบาล ซึ่งหลังจากลูกออกจาก แล้วก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พ่อแม่ก็ต้องหยุดรับจ้างมาดูแลลูกสาวทั้งสองคน เพราะคนโตเดินไม่ได้ ลูกสาวคนเล็กก็ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้


“หลังจากลูกสาวประสบอุบัติเหตุ ก็ได้ลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุและไปพบกับตำรวจจนทราบว่า ลูกสาวประสบอุบัติเหตุที่สามแยกบ้านนาค้อ โดยลูกสาวออกมาจากในซอย ขณะนั้นมีรถเก๋งสีขาว ยี่ห้อฮอนด้า ที่วิ่งมาจากทางบ้าน คำนางปุ่ม มุ่งหน้าออกไปทางถนนมิตรภาพ ก็ชนรถจักรยานยนต์ของลูกสาวจนบาดเจ็บทั้งสองคน ซึ่งคนขับรถเก๋งคันดังกล่าว ทราบว่า เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในอ.เขาสวนกวาง พร้อมภรรยาก็มาเยี่ยมลูกสาวสองคนที่โรงพยาบาลพร้อมกับแสดงความรับผิดชอบว่าจะจ่ายเงินให้ครอบครัว 50,000บาท แต่ยังไม่ให้ มอบเพียงค่าน้ำมันให้ 3,000บาท ในขณะเดียวกันหลังจากลูกสาวออกจากโรงพยาบาลคนขับรถเก๋งก็โทรมาแจ้งว่า ลดค่าทำขวัญเหลือ 30,000บาท และทะเลาะกับภรรยา จึงไม่มีเงินมาจ่ายให้ และถ้าไม่อยากยุ่งอยาก ก็ขอให้รับเงินจำนวนดังกล่าวด้วย”


นายบุญรวม กล่าวอีกว่า ตอนนี้ครอบครัวลำบาก เพราะตนกับภรรยาไม่สามารถออกไปรับจ้างได้ ทุกวันนี้ อยู่ได้ด้วย เงินที่ครูและเพื่อนของลูกสาวที่โรงเรียนมาเยี่ยม นำเงินสินน้ำใจมามอบให้ แต่ถ้าไม่มีเงินที่ทางโรงเรียนช่วยเหลือมา ครอบครัวก็คงจะแย่ จึงไปพบตำรวจ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน สภ.เขาสวนกวาง เพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับลูกสาวทั้งสองคน


โดยได้ให้รายละเอียดไปว่า รถจักรยานยนต์คันที่ลูกสาวขี่ไปเรียนหนังสือนั้นพัง จึงส่งซ่อมที่ร้านซ้อมและยังไม่ทราบราคา ส่วนค่ารักษาพยาบาลลูกสาวนั้น ใช้เงินจาก พ.ร.บ.ของรถจักรยานยนต์ และใช้บัตรทอง โดยลูกสาวคนโตรักษาไป 68,000บาท คนเล็ก 70,000 บาท แต่หลังออกจากโรงพยาบาลแล้วก็ยังต้องพาลูกไปพบแพทย์ตามหมอนัด ซึ่งยังต้องมีค่าใช้จ่ายตามมาอีก


จึงอยากให้คู่กรณี มีมนุษยธรรมกับครอบครัว ช่วยเยียวยาบ้าง พนักงานสอบสวนแจ้งว่า เรื่องการเยียวยาคู่กรณีต้องคุยกันเอง จึงปรึกษากับภรรยาว่า ถ้าปล่อยไปนาน ปัญหาก็จะเพิ่มมากขึ้น ทำใจ ยอมรับเงิน 30,000บาท จากคู่กรณี แต่จนถึงขณะนี้คู่กรณี ก็ยังไม่เอาเงินมาให้ อยากให้คู่กรณี แสดงความรับผิดชอบโดยเร็ว เพราะครอบครัวกำลังแย่ ไม่มีรายได้ แล้วยังต้องพาลูกไปหาหมออีก


ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บอายุ 17 ปี ที่ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ขณะขับขี่มากับน้องสาวนั้น ตนมองแล้วว่าไม่มีรถ จึงบิดคันเร่งข้ามถนนเลี้ยวขวากลับบ้าน เป็นจังหวะที่รถเก๋งขับมา แต่ตนเองมองไม่เห็นว่ามีรถ เห็นแค่ว่าถนนว่างแล้วจึงขับออกมาแล้วรู้สึกว่าได้ยินเสียงแตรจากรถเก๋งที่วิ่งมาชนจนกระเด็น และมองเห็นน้องสลบอยู่กลางถนน ก่อนที่คนจะมาช่วยและเรียกรถพยาบาลมารับตัวไปโรงพยาบาลคนละคันกับน้อง


ซึ่งตนเองรู้สึกเจ็บและยังตกใจ นอกจากนี้ยังรู้สึกชาๆ ที่ขาแต่ก็เริ่มกระดิกได้บ้างแล้ว หลังจากนี้ก็คงไม่กล้าขับรถจักรยานยนต์อีกแล้ว เพราะเหตุการณ์ยังติดตา อยากจะฝากเพื่อนๆ ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ดูรถให้ดีก่อนจะข้ามทาง


แท็กที่เกี่ยวข้อง  ขอนแก่น ,วอนจ่ายเงินเยียวยา

คุณอาจสนใจ

Related News