บุกจับหนุ่มจีน สวมบัตรประชาชนคนไทย ใช้รถติดธงชาติคล้ายรถสถานทูต มีรถตำรวจนำขบวน

เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ (9 พ.ย.) พลตำรวจเอกรอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบุกเข้าจับกุม นายเส้า เสี่ยวปอ อายุ 34 ปี สัญชาติจีน ที่อาคารให้เช่า ซึ่งเป็นที่ตั้งของสมาคมเกี่ยวกับการค้าแห่งหนึ่ง ย่านสุทธิสาร หลัง นายเส้า ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับคดีสวมบัตรประชาชนปลอม

โดยคดีนี้ สืบเนื่องจากตำรวจได้ระดมกวาดล้าง และจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับและบุคคลเฝ้าระวังตามมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2022 จนพบข้อมูลว่า มีหมายจับบุคคลหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้ เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูลพบว่า  มีหน้าตาตรงกับชาวต่างชาติ และจากการตรวจสอบเชิงลึกจึงพบว่า บุคคลนี้มีการครอบครองพาสปอร์ตถึง 3 สัญชาติ และมีการใช้บัตรต่างๆ ที่ปลอมแปลงขึ้นมาเป็นชื่อที่ซ้ำกับรายชื่อของบุคคลอื่น

โดยมี 2 ชื่อ ได้แก่ นายกฤต  และ นายอิสมาแอ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมตามหมายจับและจะขยายผลถึงที่มาที่ไปของการออกบัตรต่างๆ ต่อไป

ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การปฏิเสธ และไม่ค่อยให้ความร่วมมือ โดยอ้างว่า ไม่มีบัตรประชาชนที่เป็นการสวมรอยชื่อคนไทย ซึ่งเคยมีคนมาแนะนำให้ทำ แต่ว่าตนเองไม่ได้ทำ ส่วนที่อาคารนี้ก็ไม่ได้เดินทางมานานแล้ว เมื่อตำรวจซักถามว่า การเดินทางมาที่มีรถตำรวจเป็นรถนำ จัดหามาจากไหน ผู้ต้องหาตอบแค่ว่า เพื่อนแนะนำให้

ด้าน พลตำรวจตรีพันธนะ นุชนารถ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองบอกเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหาอ้างว่าจะเข้ามาทำธุรกิจในไทย โดยได้เข้ามาอาศัยอยู่ และเข้าร่วมสมาคมดังกล่าวได้ประมาณ 3-4 ปีแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่มธุรกิจ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่า ผู้ต้องหามีความเกี่ยวข้องหรือดำรงตำแหน่งใดในสมาคม

โดยจะต้องมีการตรวจสอบรายชื่อกับทางสมาคมอีกครั้ง และจะขยายผลตรวจสอบเรื่องการทำธุรกิจด้วย เบื้องต้นยังไม่พบความเชื่อมโยงกับกรณีผับจินหลิง

จากการตรวจค้น ยังพบชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหาร ที่มีเข็มกลัดชื่อจีนของผู้ต้องหา รวมถึงรถของผู้ต้องหา ก็เป็นรถติดธงชาติของ 2 ประเทศคล้ายกับรถของสถานทูต ซึ่งหลังรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตรวจสอบรถด้วยสายตาแล้ว ระบุว่า คาดว่าเป็นทะเบียนรถปกติ ไม่ใช่รถของสถานทูตแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าเป็นการพยายามทำให้ดูเหมือนรถของสถานทูตเท่านั้น

และยังพบว่ามีการใช้รถตำรวจนำขบวน แต่เป็นรถที่เป็นทะเบียนป้ายขาวดำ ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไปว่าใช่รถเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่  นอกจากนี้ ยังพบอาวุธปืนตั้งโชว์ตามโถงทางเดินอีก 6 กระบอก ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าเป็นปืนบีบีกัน แต่จะต้องนำไปตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง

โดยเบื้องต้น ตำรวจจะดำเนินคดีตามหมายจับ ในข้อหาแจ้งความเท็จ และปลอมบัตรประชาชน ซึ่งหลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลตรวจสอบสิ่งของที่พบทั้งหมด หากพบว่าเข้าข่ายความผิดเพิ่มเติม ก็จะมีการแจ้งข้อหาภายหลังต่อไป

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/zJaVT15ue4g