WHO ยกย่องไทยต่อสู้โควิด-19 ได้ดีเยี่ยมสร้างมาตรฐานการจัดการโรคระบาดในอนาคต

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบันประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนให้ประชากรกว่า 70% ได้ตามเป้าหมายขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) พร้อมทั้งเข้าร่วมโครงการเพื่อการพัฒนาต่าง ๆ ขององค์การอนามัยโลกอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ WHO Biohub ซึ่งเป็นคลังสำหรับเก็บเชื้อเพื่อวิจัยและการแบ่งปันเชื้อ อันเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนา และวิจัยวัคซีนสำหรับป้องกันโรคอุบัติใหม่ต่าง ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการพัฒนา “โครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (Universal Coverage for Emergency Patients: UCEP)” เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุดโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย จนพ้นวิกฤตและสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย โดยมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทำหน้าที่สนับสนุนทำระบบข้อมูล และการเบิกจ่ายค่าบริการรักษาพยาบาลให้กับประชาชนทุกสิทธิการรักษา

พร้อมทั้งพัฒนา “หมอพร้อม” จากเดิมที่ให้บริการเกี่ยวกับโรคโควิด 19 และวัคซีนโควิด 19 ยกระดับให้เป็นแอปพลิเคชันด้านสุขภาพ Digital Health Platform สำหรับคนไทยที่สะดวกสบายและช่วยให้เข้าถึงบริการง่ายขึ้นกว่าเดิม และเพิ่ม 12 ฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิต เช่น เชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษา การตรวจสอบสิทธิรักษา การนัดหมายแพทย์ Telemedicine การให้บริการใบรับรองแพทย์และใบรับรองสุขภาพแบบดิจิทัล การพัฒนาระบบชำระเงินออนไลน์ พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายกับหน่วยบริการสุขภาพทุกสังกัด ช่วยสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเป็นช่องทางที่เข้าถึงประชาชนได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้กับระบบบริการสุขภาพของประเทศได้เป็นอย่างดี

รวมถึงผลักดันบทบาทของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และผู้นำชุมชนด้านสาธารณสุข เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข ซึ่งถือเป็นการบริหารจัดการการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขกรณีโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้รับการยกย่องจากองค์การอนามัยโลกเป็นอย่างมาก พร้อมทั้งจะมีการนำรูปแบบและการบริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดของไทย ไปเป็นแบบอย่างในการสร้างมาตรฐานสากลเพื่อใช้บริหารจัดการสถานการณ์โรคระบาดทั่วโลกต่อไป

นอกจากนี้ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลาดสมุนไพรได้กลับมาขยายตัว โดยผู้บริโภคมีการนำสมุนไพรไทยมาใช้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันมากขึ้น โดยเฉพาะฟ้าทะลายโจร และกระชายขาว ทำให้มูลค่าการบริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศเพิ่มขึ้น และยังมีโอกาสเติบโตในอนาคตสูง โดยเฉพาะกลุ่มอาหารแปรรูป เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการอาหารที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย กระทรวงสาธารณสุขจึงดำเนินการขับเคลื่อนให้สมุนไพรไทยเป็นพืชเศรษฐกิจของประเทศโดยส่งเสริมการปลูกสมุนไพร ซึ่งเป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการสร้างเสริมสุขภาพ ด้วยการบริโภคอาหารให้เป็นยาตามวิถีธรรมชาติที่เหมาะสม รวมถึงสามารถสร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศ