นศ.ญี่ปุ่น ศึกษาปัญหาการทิ้งกากสารเคมีในไทย พบบางแหล่งยังไม่แก้ไข แม้ผ่านมาเกือบปี

ปัญหาการลักลอบทิ้งสารเคมีและกากน้ำเสียอุตสาหกรรมในประเทศ กลายเป็นประเด็นที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่ประเทศญี่ปุ่น สนใจมาศึกษาดูงานในหลายประเด็น เช่น การพัฒนากับปัญหาอุตสาหกรรม และการต่อสู้ของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือปัญหาการลักลอบทิ้งน้ำเสียสารเคมี ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งข่าว 3 มิติ เคยไป ตรวจสอบเมื่อปีที่แล้ว กระทั่งนักศึกษาญี่ปุ่นไปศึกษาดูงานอีก ก็พบบว่าน้ำเสียสารเคมี ยังคงอยู่ในบ่อเดิม



การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างมูลนิธิบูรณะนิเวศน์ กับมหาวิทยาลัยคาโกชิมา จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีกำหนดดูงานในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรม รีไซเคิล และพื้นที่เกษตรอินทรีย์ โดยตัดสินใจเลือกไปดูปัญหาดังกล่าวที่ฝั่งตะวันออก ระหว่าง 25 ถึง 27 สิงหาคมที่ผ่านมา



จุดแรกคือที่บ้านหนองพะวา ตำบลบางบุตร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยได้พบชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเสียอุตสาหกรรม กรณีนี้บริษัทเอกชนคู่กรณีคือ บริษัท วิน โพรเสส จำกัด



การลงพื้นที่จุดนี้ ความสนใจของนักศึกษาญี่ปุ่น มุ่งไปที่การสอบถามและหาคำตอบว่า การพัฒนาของไทยมีผลอย่างไรต่อปัญหากากสารเคมีและน้ำเสียในพื้นที่ดังกล่าว และการหาคำตอบว่าชุมชนผู้ได้รับผลกระทบ มีวิธีการรับมือแก้ปัญหาอย่างไรต่อปัญหาดังกล่าว รวมถึงกลุ่มอิทธิพลในท้องถิ่น เป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาหรือไม่ และหน่วยงานรัฐทำหน้าที่แก้ปัญหาอย่างไร



อีกหนึ่งจุดที่นักศึกษาญี่ปุ่นไปดูงานในพื้นที่ คือจุดลักลอบทิ้งน้ำเสียอุตสาหกรรม ที่ตำบลท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมกับได้พูดคุยชาวบ้าน ในตำบล ท่าถ่าน ซึ่งได้รับผลกระทบจากกิจการรีไซเคิลของบริษัทเอกชนในพื้นที่



การลงพื้นที่ของนักศึกษาตลอด 2 วันดังกล่าว มีผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งอำนวยความสะดวก และตอบคำถาม ซึ่งทั้งหมดจะเป็นข้อมูล ที่นักศึกษานำกลับไป ทำรายงานในเชิงวิชาการ ตามโครงการขยายโลกทัศน์และประสบการณ์ในต่างประเทศ



สำหรับจุดทิ้งน้ำเสียที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอสนามชัยเขต เป็นจุดเดียวกับที่ข่าว 3 มิติ เคยเข้าไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากผู้นำท้องถิ่น แจ้งว่ามีรถพ่วงลักลอบนำน้ำเสียมาทิ้งในบ่อของสวนปาล์มแห่งหนึ่ง ในเวลากลางคืน พร้อมกับข่มขู่ไม่ให้ผู้นำท้องถิ่นแจ้งส่วนราชการ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ก็พบว่า ที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินสปก. มีผู้มาเจรจาซื้อแล้วก็ลักลอบนำน้ำเสียมาทิ้ง



กระทั่งวันที่ 7 ธันวาคม ปีที่แล้ว ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ แจ้งความดำเนินคดีผู้ครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าว ในความผิดครอบครองวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต และติดตามตัวผู้อยู่เบื้องหลังการนำสารเคมีมาทิ้ง มาดำเนินคดีได้



แต่ปัญหาที่ยังพบจนถึงขณะนี้คือ น้ำเสียอุตสาหกรรมดังกล่าว ยังไม่ถูกนำออกไปบำบัด เพราะอบต.ท่ากระดานไม่มีงบประมาณ โดยทำได้เพียงจ้างรถแบคโฮ มาทำคันดินล้อมไว้ ไม่ให้น้ำล้น ค้นออกไป แต่ไม่ได้ลดความกังวลใจกรณีน้ำที่ปนเปื้อนหรือรั่วซึมใต้ดิน นอกจากนี้ ยังไม่มีความคืบหน้าในการตั้งงบประมาณเพื่อฟื้นฟูบำบัด ทั้งจากระดับจังหวัด และระดับกรมฯ ที่เกี่ยวข้องกับกากน้ำเสียอุตสาหกรรม