สังคม

บุกจับผับเปิดเกินเวลา กลางแก่งคอย จ.สระบุรี คลุมผ้าใบปิดร้านพรางตา เปิดโซนลับให้ดิ้นหลังเที่ยงคืน

โดย chutikan_o

21 ส.ค. 2565

429 views

บุกจับผับลับกลางเมืองแก่งคอยไร้ใบอนุญาต หลังเที่ยงคืนคลุมผ้าใบพรางตาเจ้าหน้าที่ พบเยาวชนมั่วสุมเพียบ ฝ่ายปกครองเร่งกวดขัน หวั่นซ้ำรอยสัตหีบ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมการปกครอง ได้รับการประสานจาก อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ว่ามีสถานบันเทิงย่าน อ.แก่งคอย  เปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่งเสียงดังรบกวน สร้างความเดือดร้อน ให้กับประชาชนในบริเวณใกล้เคียง อีกทั้งยังมีการปล่อยปละละเลยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาใช้บริการ


ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จึงได้ส่งสายลับเข้าทำการตรวจสอบ พบว่าสถานบริการแห่งนี้ ไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ ไม่มีการตรวจบัตรประจำตัวประชาชน รวมถึงไม่มีการตรวจสอบอาวุธของนักเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ  ภายในร้านพบนักเที่ยววัยรุ่นเข้ามาใช้บริการจำนวนมาก โดยจะปิดให้บริการในเวลา 24.00 น. หลังจากนั้นจะมีการเปิดให้บริการในอีกโซนหนึ่งซึ่งเป็นบริเวณผับลับ ทางร้านได้ทำการคลุมผ้าใบดำทั้งร้าน เพื่อพรางตาเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งมีนักเที่ยววัยรุ่น แสร้งทำเดินออกไปหน้าร้าน คล้ายว่าสถานประกอบการดังกล่าวได้ปิดทำการแล้ว เมื่อถึงเวลาผับลับเปิด กลุ่มนักเที่ยวได้กลับเข้ามา และตรงไปยังทางเดินบริเวณสถานที่สำหรับสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นประตูทางเข้าผับลับ โดยปกติเส้นทางตรงนี้หากไม่สังเกตจะไม่พบว่ามีประตูสำหรับเข้าไปในผับลับ ต่อมาชุดสายลับจึงได้เข้าไปใช้บริการในโซนดังกล่าว พบมีการเล่นดนตรีสด และปล่อยให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปใช้บริการจำนวนมาก และทำการปิดให้บริการในเวลา 01.30 น.




วันที่ 21 ส.ค. 65 เวลา 00.30 น. นายดุรงค์ฤทธิ์ ศิริวัฒนพันธ์ นายอำเภอแก่งคอย นายพุฒิชาติ จันทอง ป้องกันจังหวัดสระบุรี นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ และนางสุภาภรณ์ ชมชัย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบงานยุติธรรมเด็กและเยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เข้าตรวจค้นจับกุมสถานประกอบการชื่อ “ละอ่อน” พบว่าในร้านมีการปล่อยปละละเลยให้มีนักเที่ยววัยรุ่นซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้ามาใช้บริการ จำนวน 7 คน



จากการสอบถามพบว่าทางร้านไม่มีการตรวจสอบอายุของผู้เข้าใช้บริการ รวมถึงไม่มีการตรวจสอบอาวุธของนักเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ จึงสามารถเข้ามาใช้บริการได้ แต่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ปกครองในพื้นที่ จ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการเข้มงวดกวดขันให้สถานบริการหรือสถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ในวันนี้จึงไม่มีการเปิดโซนผับลับ

จากการเข้าตรวจสอบสถานประกอบการดังกล่าว มีการให้บริการในลักษณะเป็นสถานบริการ แต่ไม่พบว่ามีใบอนุญาตตั้ง สถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 และภายในร้านพบนักเที่ยวเป็นเด็กอายุต่ำกว่า  20 ปี จำนวน 7 คน ซึ่งหนึ่งในนี้มีอายุต่ำสุดเพียง 17 ปี โดยเมื่อเข้าตรวจสอบในโซนผับลับ พบว่ามีการใช้อาคารสถานที่ผิดประเภท และอาจมีการต่อเติมอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีช่องทางการหนีไฟ ไม่มีป้ายบอกทางหนีไฟ ไม่มีแสงสว่างเพียงพอ ไม่พบอุปกรณ์การถังดับเพลิง และประตูทางเข้า-ออก มีเพียงทางเดียว หากเกิดเพลิงไหม้ จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้




เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาสถานประกอบการดังกล่าว ในฐานตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต,จำหน่ายสุราให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี, จำหน่ายสุราเกินกว่าเวลาที่กฎหมายบัญญัติ, ความผิดฐานโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม, ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และยังเป็นการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 22/2558 เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ ข้อ 4 (1)-(4) ทั้งนี้ อ.แก่งคอย จะเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรีเพื่อออกคำสั่งปิดสถานประกอบการดังกล่าวเป็นเวลา 5 ปี พร้อมทั้งประสาน อบต.ตาลเดี่ยวเข้าตรวจสอบอาคารสถานที่ดังกล่าว หากพบกระทำผิดกฎหมายจะให้มีการสั่งระงับการใช้อาคารต่อไป

นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กล่าวว่า ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทยได้มีนโยบายให้เข้มงวดกวดขันสถานประกอบการที่ไม่ได้รับใบอนุญาต ไม่มีมาตรฐาน มีการปล่อยปละละเลยให้มีเด็กเข้ามาใช้บริการ หรือมีการฝ่าฝืนกฎหมายอื่นๆ หากพบว่ามีการร้องเรียนเข้ามายังกระทรวงมหาดไทย จะมีการตรวจสอบทุกแห่ง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะมีการดำเนินคดีกับสถานประกอบการทุกแห่งทั้งทางอาญา พร้อมทั้งเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปิดสถานประกอบการดังกล่าว เป็นระยะเวลา 5 ปี ตามกฎหมายโดยเคร่งครัด

คุณอาจสนใจ

Related News