พ่อเจ้าบ่าวงัดหลักฐานโอนเงินถูกเจ้าสาวด่ากลับเก็บเศษเงินไว้อม

(27 มิ.ย.) จากกรณีงานวิวาห์ล่มระหว่าง นางสาวธารารัตน์  อายุ 33 ปี กับนายปิยะราช  อายุ 36 ปี สาเหตุเพราะฝ่ายเจ้าบ่าวไม่ได้นำเงินค่าสินสอดตามจำนวนที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนวันแต่งงาน จำนวน 149,999 ไปมอบให้ในวันแต่งงาน ส่งผลให้งานพิธีการต่างๆที่ได้จัดเตรียมเอาไว้อย่างยิงใหญ่เป็นอันยกเลิก จากที่ทั้งสองฝ่ายจะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกันกลับกลายเป็นคู่ความทางคดีแพ่ง เมื่อฝ่ายเจ้าสาวเดินหน้านำหลักฐานเข้าพบทนายความเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกว่า 500,000 บาท



ล่าสุด (27 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าว เดินทางไป พบ นายทองใบ อธิจร และนางบรรดลย์ อธิจร บิดา-มารดา ของนายปิยะราช อธิจร ฝ่ายเจ้าบ่าว บ้านโนนเที่ยง ต.นามน อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ หมู่บ้านเดียวกันกับฝ่ายเจ้าสาว เพื่อสอบถามกรณีเหตุงานวิวาห์ล่มเกิดจากสาเหตุใดกันแน่



ซึ่ง นายทองใบ และนางบรรดลย์ บิดา-มารดา ของฝ่ายเจ้าบ่าว เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงสาเหตุที่ไม่ได้นำเงินค่าสินสอดไปมอบให้ในวันแต่งงานลูกชายให้ครบจำนวนว่า ก่อนนี้ตนกับพ่อของฝ่ายเจ้าสาว คือนายมานิตย์ เพื่อนสนิทกัน เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ได้โทรมาบอกว่า ลูกสาวของนายมานิตย์ และลูกชายของตน รักชอบกัน อยากจะจัดงานแต่งงานให้เป็นทองแผ่นเดียว โดยบอกให้ทำการหมั้นหมายกันเอาไว้ก่อน ตนจึงบอกว่า ยังไม่พร้อมเพราะไม่เงิน แต่พ่อเจ้าสาวก็ยังยืนยันให้ทำงานหมั้นให้จงได้ โดยให้หมั้นด้วยทองคำรูปพรรณ จำนวน 1 บาทเอาไว้ก่อน ตนจึงต้องแบกหน้าไปหายืมเงิน เอาไร่มันสำปะหลังไปจำนำ โดยการให้เพื่อนบ้านเช่าทำในราคา 10,000 บาท และยังได้นำรถจักรยานยนต์ ไปเข้าไฟแนนซ์อีก 2 คัน แต่ยังได้เงินมาไม่พอ จึงได้ไปขอยืมญาติพี่น้องมาเพิ่มให้ได้เงินเป็น 30,000 บาท เพื่อซื้อทองคำรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท มาทำการหมั้นตามที่พ่อของฝ่ายเจ้าสาวร้องขอ



หลังจากซื้อทองคำนำหนัก 1 บาท มาแล้ว ก่อนจะจัดพิธีหมั้น ตนได้พูดคุยกับพ่อเจ้าสาวแล้ว โดยบอกพ่อเจ้าสาวว่า ตนเป็นคนจน เป็นคนชาวไร่ชาวนา ไม่เงินมากมาย ถ้าถึงวันแต่งงาน หากหาเงินค่าสินสอดไม่ครบ จำนวน 149,999 บาท ยังจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของตนอยู่หรือไม่ พ่อเจ้าสาวก็บอกว่า “ไม่เป็นไร กูมีเงินอยู่แล้ว ลูกเขยคนนี้กูชอบ เพราะขยันทำงาน ถูกมีเงินแค่ 2,000 ก็เอามาเลย กูจะออกเงินใส่ให้เอง กูรวย ลูกสาวกูเป็นดาราอยู่ช่อง 3 โน่น” เขาบอกว่าอย่างนี้ จึงได้เชื่ออย่างที่พ่อเจ้าสาวบอกอย่างสนิทใจ ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะลงเอยเป็นอย่างนี้



หลังจากหมั้นเสร็จ ลูกๆก็พากันกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อหาเงินมาเป็นสินสอดร่วมกัน และเมื่อถึงวันแต่งงานถ้าหาเงินได้ไม่ครบตามจำนวนค่าสินสอด ฝ่ายพ่อแม่ก็จะหามาช่วยให้ครบตามจำนวน แต่พอมาวันนี้ ทำไมพ่อเจ้าสาวกลับคำบอกว่า หากได้เงินค่าสินสอดไม่ครบตามจำนวนที่ตกลงกันเอาไว้ก็ไม่ต้องแห่ขันหมากมาสู่ขอ ทั้ง ๆ ที่ ได้จัดงานแต่งงานทุกอย่างแล้วในวันนี้

นายทองใบ พ่อเจ้าบ่าว ยังพูดอีกว่า หลังงานหมั้น ในระหว่างที่ลูกๆ พากันไปทำงาน เพื่อช่วยกันหาเงินมาเป็นค่าสินสอด ที่ กทม.ลูกชายของตน ได้โอนเงินให้เจ้าสาวเก็บไว้เป็นค่าสินสอด วันละเล็กวันน้อย วันละ 100 บาท บ้าง 500 บาท บ้าง หรือครั้ง 5,000 บาท บ้าง แล้วแต่จะหาได้ รวมแล้วบุตรชายของตนได้โอนเงินให้เจ้าสาวรวม 90 ครั้ง เป็นจำนวน 70,000 กว่าบาท ซึ่งหลักฐานที่ตนถืออยู่ก็คือ สลิปที่ลูกชายโอนเงินให้กับเจ้าสาวช่วยเก็บเป็นค่าสินสอด แต่ทำไม่เจ้าสาวจึงได้ดูถูกเหยียดหยามน้ำใจกันขนาดนี้ โดยได้ส่งข้อความมาด่าบุตรชายของตนจากการโอนเงินครั้ง ละ 100 บาทบ้าง 500 บาทบ้าง “จำไว้กูเกลียดพวกมึง เศษเงินพวกมึงบ่ต้องโอนมา ให้เศษเงินมึงเก็บไว้อมสะมึง” ซึ่งถ้าหากรู้ว่าเจ้าสาวดูถูกเหยียดหยามอย่างนี้ ตนก็จะไม่ยอมลูกชาวเดินทางกับมาแต่งงานอย่างแน่นอน (หลักฐาน นายปิยะราช อธิจร ได้ปริ้นจากไลน์ของตนเองที่ ซึ่งฝ่ายเจ้าสาวไลน์มาดุด่า เวลาที่เจ้าสาวดื่มแล้วเมา)



อย่างไรก็ตาม นายทองใบ บิดาของฝ่ายเจ้าบ่าว ยังได้ขอความเป็นทำจากกรณีดังกล่าว ไม่มีเจตนาที่เบี้ยวค่าสินสอด แต่ประการใด เพราะได้บอกพ่อเจ้าสาวมาตลอดว่า ตนเป็นคนจน ถ้าหาเงินค่าสินสอดได้ไม่ครบยังจะจัดงานแต่งงานอยูหรือไม่ ซึ่งนายมานิตย์ ไชยนามน ก็ยังยืนยันว่าไม่เป็นไร มีเท่าไหร่ก็จะแต่งตามกำหนดการเดิม