สังคม

ป.ป.ช. ชี้มูล “รมช.ศึกษาธิการ” ออกโฉนดทับที่เขาใหญ่ ผิดทั้งอาญา-จริยธรรมร้ายแรง

โดย paranee_s

9 มิ.ย. 2565

401 views

วันนี้ (9 มิ.ย. 2565) เวลา 15.00 น. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงข่าวเกี่ยวกับการที่ประชุม ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนการออกโฉนดที่ดิน ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเขตป่าไม้ถาวร ทั้งแปลง โดยมิชอบ


โดยมีผู้ถูกกล่าวหาได้แก่
1. นายจีรศักดิ์ ผลสุข เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์เดินสำรวจออก โฉนดที่ดินจังหวัดสระบุรี-นครนายก-ปราจีนบุรี-สระแก้ว
2. นางสุรางค์ คัณฑารมย์ เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจ
3. นายสมศักดิ์ หีบเงิน เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการรังวัด
4. นางพรรณเพ็ญ ภาคาญาติ เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่สอบสวนสิทธิหรือจำรูญหิน
5. นายประทาน บานชื่น เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่เจ้าหน้าที่เดินสำรวจรังวัด
6. นายทวี หมื่นศรี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 14 ต.เนินหอม
7. นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ ผู้นำเดินสำรวจ ปัจจุบันเป็น รมช. กระทรวงศึกษาธิการ
8. นายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้นำเดินสำรวจ ปัจจุบัน นายก อบจ. ปราจีนบุรี
9. นางสาวน้อย ตุ้มพันธ์ ผู้นำเดินสำรวจ
10. นายคณิต เพชรประดับ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งช่างรังวัด 6 กรมป่าไม้


จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า โฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง เป็นโฉนดที่ดินที่ออกโดยวิธีการเดินสำรวจ ตามมาตรา 58 และ 58 ทวิ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยโฉนดที่ดินเลขที่ 41158 ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เป็นการออกให้แก่นางกนกวรรณ วิลาวัลย์


และโฉนดที่ดินเลขที่ 41159 ต.เนินหอม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เป็นการออกให้แก่นายสุนทร วิลาวัลย์ บิดานางกนกวรรณ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2545


ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไม่มีการซื้อขายจริง ประกอบกับผลการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ในช่วงปี พ.ศ. 2546 ซึ่งเป็นปีที่ใกล้เคียงกับปีที่ทำการเดินสำรวจ ซึ่งพื้นที่มีสภาพเป็นป่ามาโดยตลอด ไม่มีร่องรอยการทำประโยชน์เช่นกัน


นอกจากนี้ ยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า แนวเขตป่าไม้ถาวร ป่าเขาใหญ่ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้จำแนกป่าเขาใหญ่ไว้เป็นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2513 ดังนั้น การออกโฉนดที่ดินลักษณะดังกล่าว จึงเป็นการออกโดยฝ่าฝืนข้อ 9 ของระเบียบกรมที่ดิน


ในส่วนฐานความผิดของนางกนกวรรณ เลขาป.ป.ช. ระบุว่า มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 และการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง


โดยขณะนี้ อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่งดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 5 และที่ 10 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 83 และมีคำสั่งดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 - 9 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2565


และได้แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 10 ราย ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 ในวันที่ 9 มิ.ย. 2565 เวลา 09.30 น. เพื่อยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ต่อไป


อย่างไรก็ดี เลขา ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2,3,7,8,9,10 (รวมนายสุนทรและนางกนกวรรณ) ทั้งหมด 6 ราย ยังไม่ได้ไปรายงานตัว และล่าสุด อยู่ระหว่างให้ศาลออกหมายจับแล้ว


ส่วนการที่นางกนกวรรณ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการนั้น คงไม่มีเหตุขัดข้องอันใดในการมารายงานตัว เพราะขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดตามตัวโดยสำนักงาน ป.ป.ช.



นอกจากนี้ เมื่อถามว่าปลายทางของคดีนี้จะเหมือนกรณีของปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เลขาป.ป.ช. ยืนยันว่า แม้จะมีความคล้ายคลึงกันในบางส่วน แต่การครอบครองโฉนดที่ดินของ กนกวรรณ นั้นไม่ถูกต้องตั้งแต่แรก ฐานความผิดจึงคนละรูปแบบ เพราะมีการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อสนับสนุนในการชี้แนวเขต การกระทำความผิดลักษณะนี้จึงอยู่ในหน้าที่ของสำนักงานป.ป.ช.ที่จะส่งฟ้องศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2


คุณอาจสนใจ