รองโฆษก ตร.แจง กรณีจับนทท.ในภูเก็ต ทำผิด พ.ร.บ.จราจร

รองโฆษกตร.แจง กรณีจับกุมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กระทำผิด พ.ร.บ.จราจร ในพื้นที่จ.ภูเก็ต วันที่ 24 พฤศจิกายน 2564

พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.ตท. ในฐานะรองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีปรากฏภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต จับกุมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กระทำผิดความตาม พ.ร.บ.จราจรฯ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ ว่าได้รับรายงานจาก สภ.ป่าตอง

จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว พบว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย.64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ได้ปฏิบัติหน้าที่ตรวจตราดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร บริเวณแยกท้ายซอยบางลา ถ.ราษฎร์อุทิศ 200 ปี ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ได้ตรวจพบผู้ขับขี่ยานพาหนะ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรฯ และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ไม่สวมหมวกนิรภัย, ไม่มีใบอนุญาตขับรถที่ถูกประเภท เป็นต้น

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จำเป็นที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่ เพื่อเป็นการกวดขันวินัยจราจร และเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่นๆ อีกทั้งเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการสูญเสีย หรือการบาดเจ็บ หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับผู้ขับขี่

รองโฆษก ตร. กล่าวว่า พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยยึดหลักกฎหมาย หากตรวจพบว่ามีเจ้าหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์ จากการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งทางตรงและทางอ้อม จะพิจารณาความบกพร่องทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาดทุกราย ไม่มีข้อยกเว้น

ทั้งนี้ กรณีการตั้งจุดตรวจดูแลความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้พิจารณาบังคับใช้กฎหมาย โดยคำนึงถึงความเหมาะสมประกอบด้วย เช่น หากพบว่าเป็นการกระทำความผิดครั้งแรก ก็ให้พิจารณาว่ากล่าวตักเตือนในเบื้องต้นก่อน แต่หากตรวจพบว่ายังมีการฝ่าฝืนกฎหมายซ้ำอีก ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

พร้อมกันนี้ ขอประชาสัมพันธ์ ไปยังผู้ประกอบกิจการรถเช่าในพื้นที่ ขอความร่วมมือในการตรวจสอบเอกสารใบอนุญาตขับขี่ และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของผู้เช่ารถ พร้อมให้คำแนะนำแก่ลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ เกี่ยวกับความปลอดภัย ข้อปฏิบัติและข้อห้าม ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในการขับขี่ยานพาหนะในประเทศไทยที่ควรทราบ  เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และความปลอดภัยสูงสุดในการใช้รถ ใช้ถนนต่อไป