สังคม

"ปวีณา" ช่วยเหลือหญิงไทย ถูกหลอกค้าประเวณีในบาห์เรน พบมีหญิงไทยตกเป็นเหยื่ออีก 10 ราย

โดย panisa_p

14 ต.ค. 2564

432 views

น.ส.แอน (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ถูกคนรู้จักชักชวนไปทำงานนวดแผนไทยเดินทางไปประเทศบาห์เรนเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2563 ถูกยึดพาสปอร์ต บังคับค้าประเวณี ข่มขู่ ถ้าขัดขืนจะโยนลงตึกฆ่าให้ตาย ต้องรับแขก 24 ชม.. แต่ละครั้งได้เงินเพียง 150-300 บาท เท่านั้น


นอกนั้นแม่แท็กเก็บเงินไปหมดเจ้าของร้านแม่แท็กเป็นหญิงไทยซึ่งมีสามีเป็นชาวบาห์เรน ทุกคนจะเรียกว่า “ตา จ่อย” เจ้าของร้านแจ้งยอดหนี้ให้ น.ส.แอน เซ็นรับเป็นหนี้ 140,000 บาท อ้างเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร เหยื่อ ต้องทนทำงานรับแขกมาจนถึงคืนวันที่ 8 ม.ค. 2564 จึงแอบส่งข้อความมายังเพจเฟสบุ๊กของมูลนิธิปวีณาฯ และแชทไลน์คุยกับน้องสะใภ้ เพื่อขอให้ติดต่อมูลนิธิปวีณาฯ ให้ช่วยเหลือออกจากขุมนรกบาห์เรน




หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ ได้ติดต่อหา น.ส.แอน และนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศ ให้ช่วยเหลือ น.ส.แอน ติดต่อแอดไลน์สถานทูต ส่งพิกัดที่อยู่ ภาพตึกบริเวณใกล้เคียงส่งให้สถานทูต ต่อมาวันที่ 9 ม.ค. 2564 สถานทูตไทยประจำบาห์เรน ได้แจ้งตำรวจบาห์เรนบุกเข้าช่วยเหลือหญิงไทย 10 คน ทันที และแยกไปพักที่สถานพักพิงในบาห์เรน


ตำรวจบาห์เรนใช้เวลาสอบสวนประมาณ 1 เดือนเศษ ตำรวจบาห์เรนจนสามารถจับกุม นางปุ๋ย ผู้ดูแลร้าน นางหญิง แม่แท็ก และตาจ่อย หนุ่มชาวบาห์เรนสามีเจ้าของร้านมาดำเนินคดี และ น.ส.แอน ได้รับเงินเยียวยาจากทางการประเทศบาห์เรน จำนวน 100,000 บาท และได้เดินทางกลับไทยวันที่ 28 ก.พ. 2564 ถึงสนามบินสุวรรณภูมิวันที่ 1 มี.ค. 2564 เข้าสู่กระบวนการป้องกันโควิด 19




น.ส.แอน ถูกส่งไปกักตัว และต่อมาเป็นโควิด19 สายพันธ์ UK ต้องเข้ารักษาตัวในห้อง ICU ถึงเดือน พ.ค. 2564 รวมเกือบ 2 เดือน ออกมาพักรักษาตัวอยู่บ้านอีก 2 อาทิตย์ ปลายเดือน พ.ค. 2564 ตำรวจ ปคม. ได้ติดต่อไปให้ปากคำ และติดตามคดี ตำรวจ ปคม.ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ออกหมายจับ และสามารถจับกุมผู้กระทำความผิด ที่เป็นธุระจัดหาส่งหญิงไทยไปค้าประเวณีได้แล้ววันนี้


วันนี้ 14 ต.ค. 2564 เวลา 11.00 น. กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ แถลงข่าวว่า สืบเนื่องจากตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปคม.ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ามีขบวนการหลอกลวงผู้เสียหายไปทำงานต่างประเทศ โดยชักชวนให้ผู้เสียหายไปทำงานนวดสปาที่ประเทศบาห์เรน อ้างว่าได้ค่าแรง 50,000 - 70,000 บาท ต่อเดือน




เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงพาไปทำหนังสือเดินทางและจองตั๋วเครื่องบินโดยผู้เสียหายไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แต่เมื่อเดินทางไปถึงประเทศบาห์เรน ถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศ ยังสถานที่ต่างๆ ต่อมา ผู้เสียหายได้ติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้ประสานความร่วมมือกับสถานเอกอัครราชทูตไทย กรุงมานามา ประเทศบาห์เรน จนกระทั่งผู้เสียหายได้รับความช่วยเหลือและสามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทยได้ในที่สุด


จากพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายทั้งด้านร่างกายและจิตใจเป็นอย่างมาก ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ปคม. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา ต่อมาเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 ราย พร้อมยึดของกลางได้หลายรายการ ย่าน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.6 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




น.ส.แอน ย้ำว่า หนู่ถือว่าโชคดีมากที่ผ่านนรกบาห์เรนมาได้ คิดว่าไม่มีใครช่วยอาจต้องตายที่นั่น ขอบคุณ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ประสานกระทรวงการต่างประเทศให้การช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคม. ที่ได้จับกุมผู้กระทำความผิดหลอกลวงหนูไปตกนรกจนรุดพ้น ให้หนูได้กลับมาบ้าน กลับมามีชีวิตใหม่


นางปวีณา กล่าว ขอบคุณ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.บก.ปคม. และ พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.บก.ปคม. ที่ได้ติดตามจับกุมผู้กระทำผิด ผู้เป็นธุระจัดหาค้ามนุษย์มาดำเนินคดี และขอบคุณ กระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้ช่วยเหลือหญิงไทยที่ถูกตกเป็นเหยื่อร่วมกับมูลนิธิปวีณาฯตลอดมา


นางปวีณา กล่าวต่อว่า วันที่ 12 ต.ค. 2564 ยังมีหญิงไทยที่ถูกหลอกไปประเทศบาห์เรน ร้องขอความช่วยเหลือมาเพจเฟสบุ๊กของมูลนิธิปวีณาฯ และนางปวีณาฯ ได้ประสาน กระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตไทยในบาห์เรนได้แจ้งตำรวจบาห์เรนให้เข้าช่วยเหลือในคืนวันที่ 12 ต.ค. 2564 ออกมาได้ จำนวนหนึ่งแล้ว




ในจำนวนนั้นมีเหยื่อที่ขอความช่วยเหลือที่ได้ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ 2 ราย ซึ่งนางปวีณาฯ ได้พาแม่และพี่สาวของเหยื่อทั้ง 2 ราย เข้าแจ้งความกับ พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.บก.ปคม. ในบ่ายวันนี้ที่ 14 ต.ค. 2564 ด้วย


นางปวีณา กล่าวเตือน หญิงไทย ที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ขอให้คิดให้ดี เมื่อถูกหลอกแล้ว ไม่ใช่ว่าจะช่วยได้ทุกคน และควรที่จะสอบถามไปยังกระทรวงแรงงานว่าประเทศนั้นๆมีงานทำลักษณะใดบ้าง โดยทางมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามคดีร่วมกับตำรวจ ปคม. กระทรวงการต่างประเทศ ให้ความช่วยเหลือ โดยจะประสาน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พม. และกระทรวงยุติธรรมให้การช่วยเหลือเยียวยาให้กับเหยื่อ จนเสร็จสิ้นกระบวนการยุติธรรมต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News