เร่งซ่อมพนังกั้นน้ำชีขาด ทำน้ำทะลักท่วมนาข้าวเสียหาย

สถานการณ์น้ำท่วมที่ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งสร้างพนังกั้นน้ำชี บริเวณตำบลยางท่าแจ้ง หลังมวลน้ำที่ไหลมาตามเส้นทาง ทะลักเข้าท่วมนาข้าวเสียหายเป็นวงกว้าง

(10 ต.ค.) กำลังจะครบ 40 ชั่วโมง ที่เจ้าหน้าที่กรมชลประทานร่วมกับชาวบ้านหลายตำบลของอำเภอเชียงยืน และโกสุมพิสัย ช่วยกันสร้างพนังกั้นน้ำชีขึ้นใหม่ แทนพนังเดิมที่พังลง เพื่อรักษานาข้าว 6 หมื่นไร่ ตอนนี้คืบหน้าไปได้ราว 70 เปอร์เซ็นต์เจ้าหน้าที่คาดว่า น่าจะแล้วเสร็จในคืนนี้

เหตุผลหลักตอนนี้คือ ที่นี่เป็นนาข้าวกว่า 5 หมื่นไร่ ถือเป็นอู่ข้าว อู่น้ำที่สำคัญของจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดใกล้เคียงที่เกษตรกรจะนำไปขาย หากถูกน้ำท่วมทั้งหมดก็จะเสียหายหนัก จึงต้องระดมกำลังทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่ชลประทาน องค์กรปกครองท้องถิ่น และชาวบ้านในพื้นที่

หัวหน้าฝ่ายก่อสร้างที่ 2 โครงการก่อสร้างชลประทานที่ 6 ระบุว่า อุปสรรคสำคัญของการสร้างแนวพนังใหม่ คือบริเวณนี้ใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูง ใกล้ถนนที่เป็นทางสัญจรหลักสายเดียวของชุ่มชนที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม และไม่มีถนนอื่นเข้าไปถึงจุดที่จะซ่อม หรือสร้างใหม่ จึงต้องใช้ความปราณีและยุ่งยากพอสมควร

แต่ตอนนี้การวางเสาเข็ม ต่อด้วยหินในถุงลวดตาข่าย หรือแกเบรียล และถมก้อนหินลงไปก็ถือว่าช่วยชะลอน้ำได้มาก ถือว่าคืบหน้าไปร้อยละ 70 แล้ว และจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้ เพื่อปกป้องนาข้าวให้ชาวบ้าน

ทีมข่าวสำรวจพบว่า ห่างจากจุดที่เจ้าหน้าที่พยายามสร้างพนังขึ้นใหม่นี้ ก็ยังมีจุดที่น้ำหลากในทุ่ง ไหลเข้ามาผ่านท่อน้ำ ลงสู่ทุ่งเดียยวกันอีก ทำให้ชาวบ้านต้องนำถุงกระสอบทราย ไปเทเพื่อปิดท่อทางระบายน้ำ ลดความแรงของน้ำที่จะหลากเข้าทุ่ง เพราะไม่เช่นนั้น การสร้างพนังที่กำลังทำงานอยู่ขณะนี้ ก็จะไม่เกิดประโยชน์ หากยังมีน้ำหลากเข้าท่วมในจุดอื่น

เจ้าหน้าที่ยอมรับว่า ภาวะที่น้ำหลากมากขนาดนี้ หากจะมีน้ำไหลทะลักลงทุ่งข้าวแปลงใหญ่ ในจุดที่ควบคุมได้ ก็อาจจะพอรับได้ เพราะสามารถควบคุมหรือกำหนดได้ว่าให้หลากท่วมมากน้อยเพียงใด โดยถือว่าเสียหายเป็นส่วนน้อย เพราะหากไม่มีที่ทางให้น้ำหลากไป จะเกิดการพังทลายในจุดที่ซ่อมแซม หรือควบคุมไม่ได้ จะเกิดความเสียหายมากยิ่งขึ้น