มหาสารคามอ่วม! กระสอบ 5 ชั้นเอาไม่อยู่ น้ำล้นพาดถนน 4 จุดปิดชั่วคราว

เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานที่ถนนสายมหาสารคาม-กมลาไสย ช่วงบ้างเกิ้ง ต.เกิ้ง อ.เมือง จ.มหาสารคาม เจ้าหน้าที่แขวงการทาง ชลประทาน และเทศบาลเมืองมหาสารคาม เร่งนำดิน กระสอบทราย และท่อ มาวางกั้นทางน้ำ เพื่อให้รถสัญจรไปมาได้สะดวก และลดความอันตรายของสายน้ำที่เอ่อท่วมถนน และเข้าพื้นที่ไร่นา หลังจากน้ำจากแม่น้ำชีไหลล้นถนน ข้ามกระสอบทรายที่ชาวบ้านกั้นไว้ก่อนหน้านี้สูง 5 ชั้น ขาด 4 จุด น้ำไหลเชี่ยว รถเล็กไม่สามารถผ่านได้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ปิดถนนยาวนับ 10 กิโลเมตร ขณะที่ชาวบ้านเร่งขนข้าวเปลือกที่มีอยู่จำนวน 20 กระสอบสุดท้าย นำขึ้นที่สูง เพื่อเก็บไว้รับประทานหลังน้ำท่วมนา 30 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีกำแพงโรงเรียนบ้านเกิ้ง ถูกน้ำเซาะพังถล่มลงมา ได้รับความเสียหายหลายสิบเมตร

อย่างไรก็ตาม ภาพมุมสูงจะเห็นได้ว่า พื้นที่เส้นทางเข้าสู่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขตพื้นที่ขามเรียง มีน้ำท่วมตั้งแต่ช่วงลงสะพานข้ามแม่น้ำชี ยาวไปจนถึงช่วงหน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาท่าขอนยาง ซึ่งถือเป็นเส้นทางหลักที่จะเข้าสู่มหาวิทยาลัย มีร้านค้า ร้านอาหาร ธนาคาร ตลาด ตลอดจนหอพัก ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง บางร้านไม่สามารถเปิดร้านทำมาค้าขายได้ เนื่องจากถูกน้ำท่วม บางร้านที่เปิดร้านได้ลูกค้าก็ไม่มี เพราะนิสิตบางส่วนพอเจอน้ำท่วมก็เดินทางกลับบ้าน บางส่วนที่ไม่ได้กลับ แต่หอพักที่อยู่อาศัยน้ำก็ท่วมเดินทางออกมาลำบาก บุคลากรมหาวิทยาลัยก็ WFH ทำให้ย่านเศรษฐกิจโซนมหาวิทยาลัยฯ เงียบเหงาเป็นอย่างมาก

น.ส.ศศิประภา ศรีอ้น เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว กล่าวว่า น้ำเริ่มท่วมมาได้ 4 วันแล้ว ทุกคนเดือดร้อนกันหมด แต่จะปิดร้านก็ไม่ได้ เพราะมีค่าเช่ารออยู่ เปิดร้านรอลูกค้านิสิตที่ออกมาจากหอพักได้ก็มาทาน บางคนก็สั่งผ่านแอปฯ ก็พอได้อยู่ หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ลูกค้าหายไปกว่า 50% คนก็ไม่ค่อยออกมาทานที่ร้าน แต่ก็ต้องเปิด เพราะถ้าไม่เปิดก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ต้องจ่ายค่าเช่าอีกเดือนละเป็นหมื่นบาท 

ขณะที่ นายโฆษิต เหล่าสุวรรณ ประธานหอการค้าจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า ภาพรวมความเสียหายในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ได้รับผลกระทบตั้งแต่ อ.โกสุมพิสัย กันทรวิชัย และอ.เมืองมหาสารคาม โดยเฉพาะพื้นที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เขตพื้นที่ขามเรียง ซึ่งตั้งอยู่ในอ.กันทรวิชัย ทั้งหอพัก ร้านค้า ร้านอาหารรอบมหาวิทยาลัย ได้รับผลกระทบเกือบทั้งหมด การเดินทางไม่สะดวก เพราะมีจุดน้ำท่วมผิวการจราจรบนถนนทางหลวงหมายเลข 213 ช่วงบ้านดินดำ ก่อนที่จะข้ามสะพานข้ามแม่น้ำชีเพื่อเลี้ยวซ้ายลงสู่พื้นที่ชุมชนของมหาวิทยาลัย ก็มีน้ำท่วมขังอีก ทำให้ต้องปิดร้าน ไม่สามารถค้าขายได้ นิสิตบางคนก็ต้องย้ายออกจากหอพัก เพราะถูกน้ำท่วม เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าความเสียหายเฉพาะพื้นที่ชุมชนโดยรอบมหาวิทยาลัย ไม่น่าจะต่ำกว่า 50-100 ล้านบาท

นอกจากนี้ อีกจุดที่น้ำท่วมคือ ช่วงบริเวณถนนบ้านดินดำ น้ำท่วม 2 ฝั่งถนน เจ้าหน้าที่ต้องเปิดช่องทางพิเศษให้สัญจร ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่ร้านค้าร้านอาหาร หรือการดำเนินธุรกิจ ไม่สามารถดำเนินการได้ ก็ทำให้เกิดความเสียหาย ประชาชนที่ใช้เส้นทางสัญจรไปมาระหว่าง อ.กันทรวิชัย และในเมือง แต่ละวันมีรถผ่านวันละ 10,000-20,000 คัน คิดความเสียหายต่อวันต่อเวลา ตีเป็นเงินวันละหลายล้านบาท