สังคม

รวบภัยสังคม แชทลวงสาวข่มขืน ผ่านแอปฯหาคู่ ซ้ำถ่ายคลิปขู่แบล็กเมล์

โดย kodchaporn_j

23 ก.ย. 2564

149 views

ปฏิบัติการรวบหนุ่มใหญ่ภัยสังคม แชทลวงสาวข่มขืน ถ่ายคลิปแบล็กเมล์




ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. (หน.ชุดส่วนปฏิบัติศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ), พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม, พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน, พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์, พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์, พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์, พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง รอง ผกก.2 บก.ปปป. ปฏิบัติราชการ กก.3 บก.ป และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แสนสุข


พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และผู้ร้ายสำคัญ สตช. สนธิกำลังใน “ปฏิบัติการรวบหนุ่มใหญ่ภัยสังคม แชทลวงข่มขืนถ่ายคลิปแบล็กเมล์” สืบเนื่องจาก เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนผ่าน “เพจศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ” ว่ามีผู้ใช้บัญชีอินสตาแกรม ชื่อ “โกโก้” ara1_234567890 มีพฤติการณ์นำคลิปวิดีโอลามกอนาจาร และภาพของบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหาย มาข่มขู่เรียกเงินจำนวน 200,000 บาท แลกกับการไม่ปล่อยคลิป และขอร่วมหลับนอนด้วย


เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมทำตาม คนร้ายจึงข่มขู่ต่อเนื่อง รวมถึงกดดันไปยังคนในครอบครัวและคนรอบข้าง จนทำให้เกิดความอับอาย ส่งผลต่อหน้าที่การงาน และสภาวะจิตใจเป็นอย่างมาก




ผู้บังคับบัญชาเล็งเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีที่มีความสำคัญ ส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้เสียหาย และผู้ต้องหาได้กระทำการอย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย หากปล่อยไว้อาจเป็นภัยต่อสังคม จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม ทำการสืบสวนหารายละเอียด


ซึ่งหากพบว่ามีพฤติการณ์การกระทำผิดกฎหมายจริง ให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน และจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการลงพื้นที่ ทำให้สืบทราบว่าคนร้ายรายนี้เคยรู้จัก และเคยมีความสัมพันธ์กับผู้เสียหายมาก่อนผ่านทางเว็บไซต์หาคู่ ตั้งแต่ปี 2560


โดยคนร้ายใช้ชื่อว่า นาย “ยุ” หรือ “วายุ” (นามแฝง) ซึ่งจะทำการพูดคุยออกอุบายต่างๆ คอยให้คำปรึกษาแก่ผู้เสียหายมาโดยตลอด จนผู้เสียหายเกิดความไว้ใจ นาย “ยุ” จึงลวงให้ผู้เสียหายไปพบ และพาเข้าโรงแรมเพื่อกระทำอนาจาร พร้อมได้อัดคลิปวิดีโอไว้ ซึ่งเป็นคลิปเดียวกันกับที่อินสตาแกรม “โกโก้” ara1_234567890 ใช้ในการข่มขู่




หลังจากนั้นนาย “ยุ” ยังคงรบเร้าให้ผู้เสียหายมาพบอีก โดยจะนำคลิปวิดีโอมาข่มขู่ และล่อลวงให้ผู้เสียหายไปพบอยู่เสมอ ผู้เสียหายเกรงว่าหากไม่ยอมทำตาม จะทำให้เกิดความเสียหายต่อสวัสดิภาพ และชื่อเสียง จึงทำตามที่นาย “ยุ” ข่มขู่


เมื่อผู้เสียหายไปถึงสถานที่ที่ นาย “ยุ” นัดหมาย พบว่านาย “ยุ” พาเพื่อนมาอีก 2 คนซึ่งนั่งดื่มเบียร์ รออยู่ภายในห้องพัก จากนั้นนาย “ยุ” และเพื่อนอีกสองคน ได้ขู่ให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว และใช้กำลังข่มขืนผู้เสียหายจำนวนหลายครั้ง


นอกจากนี้ ยังบังคับให้ผู้เสียหายอยู่ในห้อง จนผู้เสียหายทนต่อพฤติกรรมดังกล่าวไม่ไหว ออกอุบายหลบหนีออกมาจากห้องพักดังกล่าวได้ และไม่ได้ติดต่อกันอีก


ต่อมาวันที่ 1 ก.ค.2564 มีผู้ใช้อินสตราแกรม “โกโก้” ara1_234567890 ได้ส่งข้อความพร้อมคลิปวิดีโอ ของผู้เสียหายกับนาย “ยุ” มาข่มขู่เรียกเงินจำนวน 200,000 บาท แลกกับการไม่ปล่อยคลิป และขอร่วมหลับนอนด้วย ผู้เสียหายจึงได้ทำการร้องเรียนผ่านทาง “เพจศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ”


ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สืบทราบว่า นาย “ยุ” หรือ “วายุ” ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งเป็นบุคคลที่ผู้เสียหายเคยพูดคุยผ่านทางเว็บไซต์หาคู่ และล่อลวงผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเรา ร่วมกับเพื่อนอีกสองคน และเป็นบุคคลเดียวกับชายที่ปรากฏในคลิปที่นำมาข่มขู่ผู้เสียหาย


จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานโดยละเอียด จนกระทั่งทราบว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในครั้งนี้ คือ นายวรพตน์ อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชลบุรีที่ จ.358/2564 ลงวันที่ 13 กันยายน 2564 ในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกรรโชกทรัพย์”


โดยในวันที่ 22 ก.ย.2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สนธิกำลังเข้าตรวจค้น สถานที่ต้องสงสัย จำนวน 2 จุด ในพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อเข้าไปดำเนินการตรวจสอบ และตรวจยึดสิ่งของที่มีไว้ หรือได้ใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีนี้ ซึ่งสามารถจับกุมตัว นายวรพตน์ พร้อมกับตรวจยึดของกลาง เป็นโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ apple รุ่น iphone 6 จำนวน 1 เครื่อง จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


ซึ่งจากการตรวจสอบพยานหลักฐานเบื้องต้น พบว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ที่ใช้อินสตราแกรม “โกโก้” ara1_234567890 ในการข่มขู่ผู้เสียหายจริง ซึ่งนอกจากคลิปที่ใช้ในการข่มขู่ผู้เสียหายแล้ว ผู้ต้องหายังมีคลิปวิดีโอที่ผู้ต้องหามีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายรายอื่นด้วยเช่นกัน


นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ต้องหามีการเปิดบัญชีแอปพลิเคชันไลน์ เฟซบุ๊ก และแอปพลิเคชั่นหาคู่ เพื่อแชทพูดคุยกับเหยื่ออีกหลายราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียดต่อไป


กองปราบปรามจึงขอฝากประชาสัมพันธ์ และเตือนภัยว่าในปัจจุบัน คนร้ายมักแฝงตัวมาในสื่อโซเชียล หรือเว็บไซต์หาคู่ ซึ่งจะทำการสร้างโปรไฟล์ที่ดูดี ทำทีพูดคุย หว่านล้อมด้วยคำพูดให้ดูน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ที่ใช้โซเซียล ตกเป็นเหยื่อ หลงเชื่อให้ความไว้วางใจ


จากนั้นเมื่อสามารถนัดพบกับผู้เสียหายได้แล้ว แล้วมิจฉาชีพกลุ่มนี้จะฉวยโอกาสจากความไว้วางใจ กระทำชำเราและอัดคลิปวิดีโอไว้ ซึ่งอาจนำมาใช้ข่มขู่ว่าจะเผยแพร่ในภายหลังได้ จึงเป็นปัญหาอาชญากรรม ที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเยาวชน หรือ ผู้ใหญ่ และมักเกิดขึ้นบ่อยกับผู้ใช้งานสื่อโซเซียลมีเดีย


จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทำการตรวจสอบ โปรไฟล์บุคคล หรือ พูดคุยให้แน่ใจว่าบุคคลนั้นมีตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างไร มีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน


ทั้งนี้ขอแจ้งเตือนไปยังกลุ่มมิจฉาชีพ ที่ฉวยโอกาสจากการใช้เทคโนโลยีเป็นช่องทางในการกระทำผิดกฎหมาย หากมีการเผยแพร่คลิป หรือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ อาจเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


หากท่านตกเป็นเหยื่อ หรือพบเห็นพฤติการณ์ข้างต้น ให้แจ้งมาที่เพจกองบังคับการปราบปราม หรือสายด่วน 1195 หรือ สถานีตำรวจในท้องที่ที่รับผิดชอบ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ต. นธิป ธงไธสงค์ สว.ประจำ ศปอร.ตร. โทร 083-1388833

คุณอาจสนใจ

Related News