"ตร.ซ้อมรีดข้อมูล" ทำความเชื่อมั่น ปชช.ดิ่งหนัก แนะปฎิรูปกระบวนการยุติธรรม

เปิดผลสำรวจความเห็นคดีอดีตผู้กำกับการโจ้ ใช้ความรุนแรงรีดความจริงจากผู้ต้องหา ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เสนอแก้ไขโดยเร็ว ขณะวงเสวนาอออนไลน์นักวิชาการกฎหมาย แนะต้องปฎิรูปกระบวนการยุติธรรม

คดีอดีตผู้กำกับการโจ้ หลังจากมีการเผยแพร่คลิปการซ้อมทรมาน และแถลงข่าวหลังการจับกุมจากตำรวจ ก็มีหลายส่วนให้ความสนใจ กรณีที่ตำรวจซึ่งเป็นต้นทางของการกระบวนการยุติธรรม มีการใช้ความรุนแรงกระทำต่อผู้ต้องหา อ้างว่าเพื่อรีดเอาความจริง

ทาง สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย จึงจัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ต่อการใช้อำนาจของตำรวจเพื่อค้นหาความจริงคดี ของอดีตผู้กับการโจ้ 

โดยกลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 86 ของผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 5,291 คน ไม่เห็นด้วยกับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงเพื่อรีดความจริง

ทั้งนี้ ข่าวของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ทำให้ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมลดลงจากเดิม ซึ่งเป็นความเชื่อมั่นในระดับที่น่ากังวลอย่างมีนัยสำคัญ จากค่าคะแนนเต็ม 5 ได้ลดลงจาก 2.01 เหลือเพียง 1.29 คะแนน และเมื่อถามถึงความเชื่อมั่นหลัง "อดีต ผกก.โจ้" เข้ามอบตัว พร้อมแถลงรายละเอียดของเหตุการณ์ กลับพบว่าความเชื่อมั่น "ลดลงอีก" เหลือ เฉลี่ย 1.20 คะแนน

และร้อยละ 91 เห็นว่า ควรให้องค์กรอื่นเข้ามาตรวจสอบ หรือถ่วงดุลอำนาจของตำรวจในการค้นหาความจริง เช่น อัยการ ทนาย และควรมีช่องทางให้ประชาชนทั่วไปสามารถติดตามความคืบหน้าของคดีได้

ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามกว่าร้อยละ 40 ยังไม่เชื่อว่ากระบวนการในปัจจุบันที่ตำรวจมีอำนาจสอบสวนและทำสำนวนคดีนั้น ดีเพียงพอ

ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 94 เห็นว่า ปัญหาการใช้ความรุนแรงดังกล่าวต้องได้รับการแก้ไขโดยรวดเร็ว โดยต้องเร่งปรับปรุงกระบวนการสอบสวนคดีอาญาให้ดีขึ้นในทุกมิติ เรียงลำดับความสำคัญ 3 เรื่องแรกในทัศนะของผู้ตอบแบบสำรวจ ได้แก่

1. ควรปรับปรุงกลไกการตรวจสอบการปฏิบัติงานของตำรวจในการค้นหาความจริงในชั้นสอบสวน

2. ควรส่งเสริมให้บทบาทของพนักงานสอบสวนเป็นวิชาชีพเฉพาะและเป็นอิสระจากสายบังคับบัญชาปกติ

3. ควรสร้างกระบวนการที่ให้ภาคส่วนต่างๆ มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลงานตำรวจ

ส่วนเวทีเสวนาออนไลน์ ซูมเอ้าท์ อำนาจตำรวจส่องการใช้วิธี เค้น หาความจริง ซึ่งจัดขึ้นหลังการเผยแพร่ผลการสำรวจ ผู้เข้าร่วมเสวนา เสนอว่าไม่เพียงต้องปฎิรูปตำรวจแต่ต้องปฎิรูปกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่กฎหมายยาเสพติด ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมไว้ได้ 3 วัน โดยไม่ต้องนำตัวไปสถานที่ทำการ ทำให้เกิดช่องว่างสำหรับตำรวจที่ไม่มีศีลธรรม จากเหตุผลเพื่อการสอบสวนขยายผล รวมทั้งต้องทบทวนนยโยบายการแก้ปัญหายาเสพติดที่ใช้มากว่า 40 ปี แต่มีจำนวนผู้ต้องโทษมากเกือบสองแสนคนอยู่ในเรือนจำขณะนี้

สำหรับเวทีเสวนาวันนี้ มี ผศ.ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , คุณฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล ประธานกรรมการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ,  นายวันชัย รุจนวงศ์ กรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม และ ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย ร่วมแสดงความเห็นและข้อสนอแนะ