สังคม

สุดฉาว! แจ้งจับ 'นายทหารเรือ' แอบถ่ายภาพอนาจารกว่า 8,000 รูป แฉเคยก่อวีรกรรม แต่รอดเพราะเส้นใหญ่

โดย weerawit_c

24 เม.ย. 2564

795 views

จากกรณีนายทหารยศเรือตรี แฝงตัวเข้าไปแอบถ่ายภาพนักกีฬาหญิงลักษณะคุกคามทางเพศ ในการแข่งขันยิมนาสติกลีลา ที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน เมื่อวันที่ 21 ก.ย.63 ซึ่งกรมพลศึกษาเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยึดกล้องถ่ายภาพ พบหลักฐานเป็นภาพถ่ายบริเวณเป้าของนักกีฬาหญิงจำนวนกว่า 8,000 รูป


ซึ่งจัดการแข่งขันในรูปแบบปิด จำกัดจำนวนผู้เข้าชม แต่นายทหารคนดังกล่าวใช้วิธีมาชมการแข่งขันบ่อยครั้ง และแฝงตัวเป็นผู้ปกครองเข้าไปถ่ายภาพ ซึ่งมีพฤติกรรมตั้งกล้องถ่ายต่ำ เน้นไปที่นักกีฬาหญิง ทำให้ผู้ปกครอง และสโมสรสมาชิกหลายคนสงสัย จึงแจ้งมาที่สมาคมฯ จึงจับตาดูพฤติกรรม กระทั่งเจ้าหน้าที่และผู้ปกครองเข้าจับกุมนายทหารคนดังกล่าวยังมีพฤติกรรมขัดขืน จะหักเมมโมรี่การ์ดทิ้ง แต่จำนนด้วยหลักฐาน


ทั้งนี้ ดร.กุสุมาลย์ ประเสริฐศรี อุปนายกสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย ,นาวาเอกวัลลภ ชื่นเจริญสุข เลขาสมาคมกีฬายิมนาสติกแห่งประเทศไทย และตัวแทนผู้ปกครองนักกีฬาเยาวชนหญิงส่วนหนึ่ง ได้เข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความช่วยเหลือ


ขณะที่เมื่อวานี้ (23 เม.ย.) เวลา 13.30 น. ดร.กุสุมาลย์ ประเสริฐศรี อุปนายกสมาคมกีฬา ยิมนาสติกแห่งประเทศไทยพร้อมตัวแทนผู้ปกครองนักกีฬาเยาวชนยิมนาสติก กว่า 10 คน เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดีและติดตามความคืบหน้า กรณี นายทหารยศเรือตรี ก่อเหตุแอบถ่ายภาพบุตรหลานที่นักกีฬายิมนาสติกหญิงระหว่างการแข่งขันคัดตัวทีมชาติ


โดย ดร.กุสุมาลย์ ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในการแข่งขันยิมนาสติกลีลา ที่อาคารนิมิบุตร ซึ่งจัดการแข่งขันในรูปแบบปิด จำกัดจำนวนผู้เข้าชม แต่นายทหารคนดังกล่าวใช้วิธีมาชมการ แข่งขันบ่อยครั้ง และแฝงตัวเป็นผู้ปกครองเข้าไปถ่ายภาพ ซึ่งในวันก่อเหตุได้แต่งกายเครื่องแบบ นายทหารเรือครึ่งท่อน แต่มีผู้ปกครองสังเกตุเห็นว่ามีพฤติกรรมตั้งกล้องถ่ายต่ำ และเน้นไปที่ นักกีฬาหญิง ทำให้ผู้ปกครองและสโมสรสมาชิกเกิดความสงสัย ในเวลาต่อมาทางกลุ่มผู้ปกครองจึงจับตาดู พฤติกรรม จนกระทั่งวันดังกล่าว พบว่านายทหารคนดังกล่าวได้มาก่อเหตุอีกครั้ง จึงร่วมกันเข้า จับกุม แต่นายทหารคนดังกล่าวยังมีพฤติกรรมขัดขืน เกิดการทำร้ายร่างกายกันเล็กน้อย ก่อนที่กลุ่มผู้ปกครองจะได้การ์ดบันทึกภาพของผู้ก่อเหตุมาและเปิดดูจึงพบว่ามีภาพอนาจาร นักกีฬา หญิงกว่า 8,000 ภาพ โดยถ่ายซูมเฉพาะหน้าอก สะโพก และเป้าของนักกีฬาหญิง ถึง 4,000 กว่าภาพ


ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นภาพมี่ถูกบันทึกตลอดช่วงการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 63 จนถึงวันเกิดเหตุ และภาพบางส่วนยังเป็นภาพที่ถูกบันทึกไว้จากการซ้อมในช่วงเดือนสิงหาคม ซึ่งกลุ่มผู้ปกครองได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ไปแล้วก่อนหน้า แต่พนักงานสอบสวน ได้ให้เพียงลงบันทึกประจำวันเพราะอ้างว่าไม่เข้าเงื่อนไขอนาจาร ขณะที่สมาคมกีฬายิมนาสติกฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาวิธีป้องกันไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น


ยอมรับว่ามีนายทหารติดต่อขอเจรจา เพื่อขอให้ผู้ปกครองของนักกีฬาหญิงคน ดังกล่าวยอมความ แต่ผู้ปกครองยืนยันจะดำเนินการทางกฎหมายจนถึงที่สุด ด้านคู่กรณีหลังเกิดเรื่องทราบว่าช่วงเดือนธันวาคม ปี 63 ได้เข้าไปแจ้งความเอาผิดกลุ่มผู้ปกครองที่ร่วมควบคุมตัวในวันเกิดเหตุ 3 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกาย ข่มขื่นใจ และกักขังหน่วงเหนี่ยว ก่อนที่ในเวลาต่อมา พ่อของผู้ก่อเหตุ ได้มีการประสานไปกดดันนายตำรวจในนครบาลอีกรอบ เพราะคดีที่ลูกชายแจ้งไว้เมื่อเดือนธันวาคม ปี 63 ไม่มีความคืบหน้า


ดร.กุสุมาลย์ ยังระบุอีกว่า ภายหลังจากที่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 64 ทางกองทัพเรือได้ทำหนังสือ มาชี้แจง ยอมรับว่านานทหารคนดังกล่าวสังกัดกองทัพเรือจริงและมีความผิดจริง โดยทางครอบครัวได้แจ้งกลับไปว่าต้องการเพียงการขอโทษจากผู้ก่อเหตุ แต่จนถึงปัจจุบันกลับยัง ไม่มี การติดต่อมาเพื่อขอโทษแต่อย่างใด เมื่อวานนี้ (23 เม.ย.) จึงรวมตัวเดินทางมาขอคำปรึกษาที่มูลนิธิปวีณาฯ ก่อนจะพาผู้ปกครองที่ยังไม่ได้แจ้งความไปแจ้งความร้องทุกข์อีกครั้งที่ สน.ปทุมวัน


ผู้สื่อข่าวได้คุยกับแม่ของนักกีฬายิมนาสติกหญิง อายุ 13 ปี เผยว่า ตนเองได้เห็นภาพที่นายทหาร เรือถ่ายไว้ พบว่ามีลักษณะจงใจถ่ายภาพที่ไม่เหมาะสม ในวันเกิดเหตุผู้ปกครองท่านอื่น สังเกตเห็นนายทหารคนนี้กำลังถ่ายภาพซูมไปที่อวัยวะของนักกีฬาหญิง จึงตะโกนบอกให้ผู้ปกครองอื่นทราบและช่วยกันล็อคตัว ซึ่งเขามีพฤติกรรมถ่ายภาพดังกล่าวจริง ๆ เนื่องจากผู้ปกครองยืนเฝ้าสังเกตตลอดเวลา ตนในฐานะพ่อแม่รู้สึกไม่ปลอดภัย ความเสียหายมันเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชน แต่ในฐานะลูกซึ่งยังเป็นเด็กคงไม่ทราบว่าความเสียหายนี้จะส่งผลกระทบอะไรในอนาคต เพราะเราไม่รู้ในอนาคตเขาจะนำรูปเหล่านี้ไปทำอะไร อยากให้ตำรวจช่วยตรวจสอบกล้องหรือคอมพิวเตอร์ของเขายังมีภาพฉาวเหล่านี้อีกหรือไม่ ยืนยันตนเอาเรื่องให้ถึงที่สุด


ผู้ปกครองของนักกีฬายิมนาสติกหญิง อายุ 17 ปี กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการแข่งขันผู้ปกครองคนอื่น ๆ จะสังเกตนายทหารคนนี้ มักจะถ่ายภาพและโฟกัสต่ำไปที่เป้า ในเมมโมรี่การ์ดมีภาพอนาจารเยอะมาก ส่วนใหญ่จะโฟกัสไปที่เป้าเด็ก ซึ่งเด็กส่วนใหญ่อายุไม่ถึง 18 ปี นายทหารคนนี้ต้นสังกัดทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเส้นใหญ่ หากต้นสังกัดยังให้ท้าย เขาก็จะทำพฤติกรรมแบบนี้ไปเรื่อยๆ


ส่วนผู้ปกครองของนักกีฬายิมนาสติกหญิง อายุ 16 ปี อีกรายกล่าวว่า เด็กมีความตั้งใจในการซ้อมและแข่งขันยิมนาสติก แล้วมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ก็ทำให้ใจหวั่น ๆ ทุกวันนี้เวลาไปสนามแข่ง แทนที่เด็กจะสามารถอบอุ่นร่างกายได้อย่างอิสระ แต่กลับต้องหวาดระแวง จะอบอุ่นร่างกายต้องใส่เสื้อแจ็คเก็ตและสวมกางเกง ซึ่งอากาศมันร้อน ตนอยากให้ต้นสังกัดดำเนินการขั้นสูงสุด ไม่ต้องให้เขาทำงานข้าราชการแล้ว เขาไม่ควรได้รับการโอบอุ้มหรืออุ้มชูมันเป็นพฤติกรรมที่แย่และไม่มีความรู้สึกสำนึกผิด


ด้าน พ.ต.ต. เวียงแก้ว วุภากสรณ์ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน กล่าวว่า ต้องตรวจสอบรายละเอียดตามที่ผู้ร้องทุกข์มาแจ้งไว้ก่อน จึงจะนำไปพิจารณาว่าจะเข้าข่ายความผิดใด


อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นาวาโทหญิง มธุศร เลิศพานิช รองโฆษกกองทัพเรือ ออกมาเปิดเผยว่า กองทัพเรือขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้เร่งดำเนินการตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นข้าราชการกองทัพเรือจริงคือเรือตรีอชิตะ นายทหารพระธรรมนูญ สังกัดโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ ได้แฝงตัวเข้าไปถ่ายภาพนักกีฬา โดยสมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศไทย ได้มีหนังสือมาถึงกองทัพเรือ ให้พิจารณาสอบสวนและลงทัณฑ์ทางวินัย ซึ่งโรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพราะถือเป็นการกระทำที่ไร้จิตสำนึกและขาดวุฒิภาวะ จะลงโทษตามระเบียบ กระทรวงกลาโหม ว่าด้วยการพิจารณาบำเหน็จประจำปีของข้าราชการทหาร พ.ศ.2544 ฝ่าฝืนระเบียบกระทรวงกลาโหม จะถูกลงโทษตามวินัย ประพฤติตัวไม่เหมาะสม จึงให้ลงทัณฑ์และงดบำเหน็จครึ่งปีแรก ทั้งนี้ เรือตรี อชิตะ จะถูกนำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. ปทุมวัน เพื่อดำเนินคดี


ทั้งนี้มีรายงานว่าทหารเรือคนนี้เป็นคนเดียวกับที่เคยถีบรถแจ๊สกลางถนนจนเป็นข่าวดังมาแล้ว สร้างวีรกรรมไม่เหมาะสมด้วยพฤติกรรมหัวร้อน ตำรวจ สน.ศาลาแดง ได้ทำการเปรียบเทียบปรับ ขณะนั้นนักข่าวหลายสำนักไปรอทำข่าวที่โรงพัก ปรากฏว่าทหารเรือก็ดังกล่าวให้ญาตินำเสื้อผ้ามาเปลี่ยน อำพรางตัวเดินลงจากโรงพักวิ่งหนีนักข่าว กระทั่งมาก่อเหตุฉาวขึ้นอีก


ชมผ่านยูทูบที่ : https://youtu.be/N0XKt8ZbCm4

คุณอาจสนใจ

Related News