ภัยกู้เงินด่วนผ่านแอปพลิเคชั่น คนนับหมื่นแห่กู้ สุดท้ายกลับมีหนี้เพิ่มขึ้น

ในช่วงที่หลายคนกำลังความเดือดร้อนจากบริษัทเลิกจ้างงานและไม่มีอาชีพ ขาดรายได้ แต่กลับพบว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่งเปิดบริษัทปล่อยเงินกู้ผ่านแอปพลิเคชั่น ทำให้มีผู้เข้าไปใช้บริการในช่วงไม่ถึง 1 เดือน มากกว่า 3 หมื่นคน แต่สุดท้ายกลับมีหนี้สินเพิ่มขึ้น จนไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ ซึ่งตำรวจได้จับนายทุนปล่อยเงินกู้ พบเป็นชาวต่างชาติจ้างคนไทยให้รับหน้าที่ทวงหนี้ แม้จะอนุมัติง่าย จ่ายเงินเร็วแต่ก็ต้องแลกกับดอกเบี้ยที่สูงมาก 

แม้จะมีการทลายแก๊งนายทุนปล่อยเงินกู้ต่างชาติผ่านแอปพลิเคชั่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แหล่งกู้เงินด่วนผ่านแอปพลิเคชั่นก็ยังมีอยู่อีกมาก และต้องระวังเพราะจะต้องจ่ายทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยภายใน 7 วัน หากจ่ายไม่ครบจะถูกทวงและประจานให้อับอาย

ผู้เดือดร้อนที่เข้าไปกู้เงินผ่านแอปพลิเคชั่นบอกว่า ทำงานเป็นลูกจ้างร้านขายโทรศัพท์ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด จึงไม่มีรายได้ เมื่อเห็นโฆษณากู้เงินด่วนโดยไม่ต้องมีหลักค้ำประกัน ในแอปพลิเคชั่น Speed Wallet จึงเข้าไปกรอกประวัติ พบว่าสามารถกู้ได้ จึงกู้มา 3พันบาท แต่ปรากฎว่าเมื่อโอนมาได้เงินมาเพียง 1,700 บาท จึงต้องการยกเลิกแต่ไม่สามารถยกเลิกได้ อีกทั้งต้องจ่ายเงินทั้งต้นและดอกเบี้ยภายใน 7 วัน เกินกว่า 3,000 บาท หากไม่มีจ่ายจะถูกปรับวันละ 250 บาท และขู่ว่าจะมาทวงที่หน้าบ้าน

พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง พร้อมทีมชุดสืบสวนได้เข้าจับกุม พบว่าเป็นแก๊งเงินกู้จากต่างชาติ 5 คน เปิดมาร่วมกว่า 1 ปี เช่าบ้านเดี่ยว 4 ชั้น ภายในซอยลาดพร้าว 94 เป็นสำนักงานทวงหนี้ โดยจ้างคนไทยเป็นพนักงานคอลเซนเตอร์ทวงหนี้ 46 คน

ซึ่งเมื่อโหลดแอป Speed Wallet แล้ว ผู้กู้จะต้องให้รหัสของโทรศัพท์ตนเอง เพื่อให้แก๊งเงินกู้เข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือได้ ทำให้ทราบเบอร์โทรศัพท์ของญาติพี่น้องและกลุ่มเพื่อนทั้งหมด ซึ่งหลายคนก็จะถูกโทรศัพท์ทวงหนี้ไปด้วย

การปล่อยเงินกู้ที่ถูกหักค่าดำเนินการไปกว่าครึ่ง จึงกลายเป็นซ้ำเติมความเดือดร้อนให้กับคนไทยที่ไม่มีรายได้ในช่วงนี้ไปอีก ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาชาวจีน ก็มักฉวยโอกาสเปิดบริษัทปล่อยเงินกู้เปลี่ยนแอปพลิเคชั่น และย้ายสำนักงานทวงหนี้ไปหลายจุด โดยพบว่ามีผู้เดือดร้อนเข้าไปกู้มากกว่า 5,000 ราย