สหรัฐฯ กำหนดภาษีโซลาร์เซลล์ใหม่จาก 4 ชาติอาเซียน อ้างสกัดจีนใช้ฐานทุ่มตลาด ไทยโดนด้วย

สหรัฐอเมริกา ประกาศอัตราภาษีแผงโซลาร์เซลล์ที่นำเข้าจาก 4 ประเทศในอาเซียน ที่เป็นแหล่งนำเข้าหลักของสหรัฐฯ เพื่อสกัดการทุ่มตลาดและเลี่ยงภาษีจากจีน ไทยโดนด้วย

การตัดสินใจครั้งนี้เป็นบทสรุปของคดีการค้าที่ยืดเยื้อมากว่าหนึ่งปี หลังผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์ที่นำโดยฮันฮวา คิวเซลลส์ (Hanwha Qcells), เฟิรส์ต โซลาร์ (First Solar) ในรัฐแอริโซนา, และผู้ผลิตขนาดเล็กอีกหลายราย ยื่นคำร้องกล่าวหาว่าผู้ผลิตจีนที่ตั้งโรงงานใน 4 ประเทศอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม ได้รับเงินอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมและส่งออกสินค้าในราคาต่ำกว่าทุนทำให้ผู้ผลิตอเมริกันไม่สามารถแข่งขันได้และกระทบต่อการลงทุนมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้กำหนดอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดขั้นสุดท้ายที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับบริษัทและประเทศ ได้แก่ เวียดนาม 271.28%, กัมพูชา 125.37% (แต่อาจสูงถึงกว่า 3,500% สำหรับบริษัทที่ไม่ให้ความร่วมมือ), ไทย 111.45% (แต่บางบริษัทอาจเผชิญอัตราภาษีสูงถึง 375.19%), และมาเลเซีย 8.59% (แต่บางบริษัทอาจเผชิญอัตราภาษี 41.56%)

อัตราภาษีใหม่เหล่านี้จะถูกเรียกเก็บเพิ่มเติมจากภาษีศุลกากรเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อห่วงโซ่อุปทานและราคาสินค้าพลังงานแสงอาทิตย์ ตามข้อมูลระบุว่า แผงโซลาร์เซลล์ส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ผลิตในต่างประเทศและประมาณ 80% นำเข้ามาจาก 4 ประเทศดังกล่าว

ฝ่ายกฎหมายของกลุ่มผู้ผลิตในสหรัฐฯ ชี้ว่านี่คือ “ผลลัพธ์” ที่แข็งแกร่งมากและมั่นใจว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาการค้าที่ไม่เป็นธรรมได้

สมาคมอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ (SEIA) เตือนว่าภาษีที่สูงขึ้นอาจส่งผลเสียย้อนกลับมาที่อุตสาหกรรมสหรัฐฯ เองทำให้ต้นทุนการผลิตแผงโซลาร์ในประเทศสูงขึ้นซึ่งอาจกระทบต่อการเติบโตของพลังงานสะอาด

อย่างไรก็ดี การบังคับใช้ภาษีเหล่านี้ยังต้องรอการตัดสินชี้ขาดจากคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USITC) ในเดือนมิถุนายนว่าอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ได้รับความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญจากการนำเข้าสินค้าที่ถูกทุ่มตลาดและได้รับเงินอุดหนุนเหล่านี้จริงหรือไม่