ต่างประเทศ

“นายกฯ สิงคโปร์” ประกาศตั้งคณะทำงานพิเศษรับมือภาษี “ทรัมป์” ส่งสัญญาณเตือนผลกระทบเศรษฐกิจ

โดย JitrarutP

8 เม.ย. 2568

83 views

“ลอว์เรนซ์ หว่อง” นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ แจ้งต่อรัฐสภาว่าจะจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจแห่งชาติเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจและแรงงาน ในการรับมือผลกระทบจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษี ส่งสัญญาณเตือน “ยุคของโลกาภิวัตน์ที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว”

นายกรัฐมนตรี ลอว์เรนซ์ หว่อง ของสิงคโปร์  กล่าวแถลงในสภาวันนี้ (08 เม.ย. 68) ว่าจะจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจแห่งชาติขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจและแรงงานในการรับมือกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา ที่กำหนดใช้กับทุกประเทศ รวมถึงสิงคโปร์ที่ 10% นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งและไม่ใช่สิ่งที่ “เพื่อน” ควรปฏิบัติต่อกัน

นายกฯ หว่อง ชี้ว่ามาตรการภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซึ่งจะฉุดรั้งความต้องการสินค้าส่งออกของสิงคโปร์ นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาคบริการ เช่น การเงินและการประกันภัยด้วย แม้สิงคโปร์จะยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอยภายในปีนี้แต่เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบอย่างหนักแน่นอน และว่ากระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์กำลังทบทวนการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2568 ที่ 1 – 3% และมีแนวโน้มที่จะปรับลดลง

พร้อมยังเตือนว่าผลกระทบของมาตรการภาษีทรัมป์จะทำให้โอกาสในการทำงานลดน้อยลงและการขึ้นค่าจ้างน้อยลงและว่าหากบริษัทต่างๆ ประสบปัญหามากขึ้นหรือย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ ก็จะมีการเลิกจ้างและการสูญเสียงานที่สูงขึ้น

เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ผันผวน รัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจแห่งชาติขึ้นมา นำโดยรองนายกรัฐมนตรีกาน คิม ยง (Gan Kim Yong) และจะผนึกกำลังกับตัวแทนจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของรัฐ สภาธุรกิจสิงคโปร์ สภานายจ้างแห่งสิงคโปร์ และสหภาพแรงงานแห่งชาติ เพื่อช่วยเหลือธุรกิจและแรงงานในการจัดการกับความไม่แน่นอน เสริมสร้างความแข็งแกร่ง และปรับตัวสู่ภูมิทัศน์เศรษฐกิจใหม่

นายกฯ หว่อง ยังวิจารณ์แนวทางของสหรัฐฯ ว่าขัดต่อหลักการพื้นฐานขององค์การการค้าโลก (WTO) เช่น หลักการชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่ง (Most Favoured Nation - MFN) ซึ่งระบุว่าสมาชิกทุกคนต้องปฏิบัติต่อสมาชิกอื่น ๆ ทั้งหมดอย่างเท่าเทียมกัน การกระทำเช่นนี้สั่นคลอนระบบการค้าโลกและเปิดทางสู่ความสัมพันธ์แบบเลือกปฏิบัติ หากประเทศอื่น ๆ ใช้แนวทางเดียวกัน ระบบการค้าที่ตั้งอยู่บนกฎเกณฑ์จะพังทลายลงซึ่งจะส่งผลเสียต่อทุกประเทศโดยเฉพาะประเทศเล็กอย่างสิงคโปร์ที่มีอำนาจต่อรองน้อย

แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก สิงคโปร์ยืนยันว่าจะไม่ใช้มาตรการภาษีตอบโต้เหมือนกับบางประเทศ แต่จะมุ่งเน้นการเจรจาและการเสริมสร้างจุดแข็งในฐานะศูนย์กลางธุรกิจที่น่าเชื่อถือและกระชับความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกัน โดยเฉพาะภายในประชาคมอาเซียน

นายกฯ ของสิงคโปร์ยังบอกอีกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะประเทศอื่น ๆ อาจดำเนินรอยตามเพื่อปกป้องอุตตสาหกรรมของตนเอง ทำให้ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าโลกเต็มรูปแบบกำลังเพิ่มสูงขึ้น

นายหว่องมองว่ากระแสการปกป้องทางการค้าที่เกิดขึ้นใหม่นี้เป็นภัยคุกคามต่อบรรทัดฐานและสถาบันระดับโลก โดยมีประเทศต่างๆ หันเหจากความร่วมมือแบบ "win-win" (ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย) ไปสู่แนวคิด "me first, win-lose" (ฉันต้องมาก่อน, มีผู้แพ้ผู้ชนะ)

พร้อมกันนี้ยังแสดงความกังวลต่อความสัมพันธ์ที่เสื่อมถอยระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หลังจากจีนกล่าวว่าจะ "ต่อสู้ให้ถึงที่สุด" และประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ขู่ว่าจะเพิ่มภาษีต่อจีนต่อไปส่งผลให้ช่องทางสำหรับการเจรจาน้อยลง นายกฯ หว่อง ย้ำว่า หากข้อพิพาททวีความรุนแรงขึ้นและทำให้ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนสั่นคลอน ผลที่ตามมาต่อโลกจะร้ายแรงอย่างยิ่ง

คุณอาจสนใจ

Related News