“สหรัฐฯ” ส่งสัญญาณเข้าข้าง “รัสเซีย” ในการประชุมที่ยูเอ็น เกี่ยวกับสถานการณ์สงครามยูเครน

ระเบียบโลกใหม่! “สหรัฐฯ” ส่งสัญญาณเข้าข้าง “รัสเซีย” ในการลงมติที่การประชุมขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 3 ปีการรุกรานยูเครนของรัสเซีย สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงจุดยืนครั้งแรกของสหรัฐฯ หลัง “โดนัลด์ ทรัมป์”กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี

เมื่อวานนี้ (24 ก.พ. 68) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 15 ประเทศได้จัดการประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามยูเครน ซึ่งปรากฏว่าสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณเข้าข้างกับรัสเซีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

อันดับแรก ทั้งสหรัฐฯ และรัสเซียคัดค้านมติที่เสนอโดยสหภาพยุโรป เพื่อประณามการกระทำของรัสเซียและสนับสนุนบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน

แต่ทั้งสองประเทศกลับลงมติสนับสนุนร่างข้อมติของสหรัฐฯ ที่แสดงจุดยืนเป็นกลางต่อสงครามยูเครน เรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง แต่ไม่วิพากษ์วิจารณ์รัสเซีย ซึ่งสุดท้ายร่างมตินี้ก็ได้รับการรับรองจากที่ประชุมด้วยคะแนนเสียง 10 เสียง แต่มี 5 ประเทศที่งดออกเสียง คือ ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เดนมาร์ก, กรีซ, และสโลวิเนีย แม้ชาติยุโรปจะพยายามใช้สิทธิ์ขอให้แก้ไขข้อมติและเพิ่มข้อความสนับสนุนยูเครน แต่สุดท้ายก็ถูกรัสเซียใช้สิทธิ์วีโต้ เพราะรัสเซียเป็นสมาชิกถาวร

ตามรายงานระบุว่า ข้อมติดังกล่าวมีเนื้อหาสั้นกระชับ โดยเน้นแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตใน “ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน” และเรียกร้องให้มีการยุติความขัดแย้งโดยเร็ว ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่เคยแสดงการสนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจนตลอดช่วงสงคราม

นายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำองค์การสหประชาชาติ หรือ UN ออกมาบอกว่าตอนนี้สหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงจุดยืนในเชิงบวก แม้มติดังกล่าวจะไม่ใช่ฉบับสมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความพยายามในการยุติความขัดแย้งอย่างสันติในอนาคต

มติดังกล่าวถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของโลก เนื่องจากตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา UNSC ไม่เคยสามารถดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับสงครามยูเครนได้เลยเพราะรัสเซียใช้สิทธิ์วีโต้มติใด ๆ ที่ตนไม่เห็นด้วย

นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ความอ่อนลงและเอนเอียงไปทางฝ่ายรัสเซียมากขึ้น

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับยูเครนและพันธมิตรยุโรปที่เกรงว่าอาจถูกกีดกันออกจากการเจรจาสันติภาพ

ขณะเดียวกัน รอยร้าวที่เกิดขึ้นได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNGA ซึ่งมีชาติสมาชิก 193 ประเทศ

โดยฝ่ายสหรัฐฯ ได้เสนอมติที่จำกัดของตนเกี่ยวกับการไว้อาลัยต่อการสูญเสียชีวิตในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งโดยเร็วเพื่อสันติภาพที่ยั่งยืนตามจุดประสงค์ขององค์การสหประชาชาติ

ขณะเดียวกัน ฝ่ายยุโรปได้ยื่นมติของตัวเองเหมือนกัน โดยมีรายละเอียดที่มากขึ้น รวมถึงกล่าวโทษรัสเซียว่าเป็นผู้รุกรานเต็มรูปแบบ และสนับสนุนอำนาจอธิปไตยของยูเครน

สมาชิก UNGA ได้สนับสนุนมติของยุโรปด้วยคะแนนเสียง 96 เสียง แต่ที่น่าแปลกใจคือสหรัฐฯ ไม่ได้สงวนท่าทีด้วยการงดออกเสียง แต่กลับเลือกโหวตไม่เห็นด้วยอย่างโจ่งแจ้ง ร่วมกับรัสเซีย, อิสราเอล, เกาหลีเหนือ, ซูดาน, เบลารุส, ฮังการี, และอีก 11 ประเทศ ในขณะที่ประเทศที่งดออกเสียงมี 65 ประเทศ

แต่กระนั้น มติของสหรัฐฯ ก็ผ่านความเห็นชอบของ UNGA เหมือนกัน หลังมีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้มีเนื้อหาที่สนับสนุนยูเครน ทำให้สหรัฐฯ งดออกเสียง โดยมตินี้ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุน 93 เสียง งดออกเสียง 73 เสียง และคัดค้าน 8 เสียง