คลิปเต็มรายการ

“ดีเบต” นโยบายเศรษฐกิจ ถกเดือดปัญหาค่าไฟแพง

โดย chiwatthanai_t

28 เม.ย. 2566

285 views

“ช่อง 3”  จัดดีเบต ประชันวิสัยทัศน์ “เศรษฐกิจ  - ปากท้อง”  ถกแก้ปัญหาค่าไฟแพง ประสานเสียงต้องปรับโครงสร้างพลังงาน เผยอุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ LNG  ถูกกว่าโรงงานผลิตไฟ เปิดนโยบายหารายได้ รวมไทยสร้างชาติยันเศรษฐกิจดี  




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จัดดีเบต เลือกตั้ง66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ  ในหัวข้อประชันนโยบายเศรษฐกิจ - ปากท้อง โดยมีผู้ร่วมดีเบตประกอบด้วย  น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย  , นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ   ผู้ช่วยหาเสียง พรรคก้าวไกล , ม.ล.ชโยทิต กฤดากร  หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรครวมไทยสร้างชาติ , นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบาย  พรรคพลังประชารัฐ , นายเกียรติ สิทธีอมร  คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ  พรรคประชาธิปัตย์ , นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า  และดำเนินรายการโดยสรยุทธ สุทัศนะจินดา



เมื่อเริ่มรายการผู้ดำเนินรายการได้สอบถาม ถึงกรณีปัญหาค่าไฟแพง  โดยนายธนาธรกล่าวว่า ค่าไฟที่แพงขึ้นไม่ได้เกิดในวันนี้ แต่เป็นผลพวงของนโยบายที่ผิดพลาดของภาครัฐทำให้เรามีกำลังผลิตไฟฟ้ามากเกินจำเป็นถึง  60%  เวลาเราผลิตพืชผลได้มาก ราคาต้องลง แต่ทำไมไฟฟ้าถึงขึ้น   วิธีการแก้คือตนเห็นด้วยกับการดูแลอุดหนุนเยียวยาประชาชนระยะสั้น


“ประชาชนบางคนเดือนหน้าจะไม่กังวลแล้วเรื่องค่าไฟเพราะมิเตอร์ถูกถอดออกแล้ว”  



นายธนาธรกล่าวจ่อว่า พรรคก้าวไกลจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงาน  ยกตัวอย่างที่มา LNG ที่ใช้ผลิตไฟ เราเอาของถูกให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมี แต่เอาของแพงให้ประชาชน หากมาแก้ไขก็จะมีการจัดสรรให้เหมาะสมขึ้น ในระยะยาว เราต้องเปิดให้ประชาชนสามารถขายไฟให้การไฟฟ้าได้    


ขณะที่ ม.ล.ชโยทิต  กล่าวว่า ค่าไฟถูกเอามาหาเสียงบิดเบือน  วันนี้หากไม่ช่วยค่าไฟจะเป็นห้าบาทกว่าแล้ว และวันนี้ กฟผ.ก็แบกหนี้แล้ว  เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่ารัฐบาลไม่แก้ไขตรงนี้ไม่แฟร์ ทำเต็มที่แล้วและเราช่วยคนเปราะบางด้วย  


ขณะที่นายกรณ์กล่าวว่าก่อนหน้านี้มีการเตรียมจะขึ้นค่าไฟ แต่สุดท้ายมีการยอมปรับลงมา ค่าไฟสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจโครงสร้าง  การที่ กกต.​ตีกลับเรื่องการใช้งบหมื่นล้านช่วยลดค่าไฟ เป็นเรื่องหน้าเศร้าเพราะมาเร่งทำตอนนี้  หากดำเนินการตอนนั้นก็ไม่มีปัญหาต้องยื่นขอ กกต.​ด้วยซ้ำไป  วันนี้กำลังผลิตแก๊สจากอ่าวไทยก็กำลังเพิ่ม  ทำไมประชาชนต้องมารับภาระผิดพลาดการบริหารของการลงทุน   พร้อมเสนอให้ยกเว้นค่าเอฟทีตอนหน้าร้อนและไปเก็บตอนประชาชนใช้ไฟน้อยลง



ด้านนายอุตตม กล่าวว่า แนวทางของพลังประชารัฐ  จะยุติการทำสัญญาแบบนี้ที่ไฟเกินหกสิบเปอร์เซนต์​จนไฟฟ้าส่วนเกินลดลงมาเหลือร้อยละสิบห้า แต่ประเด็นกลับมาที่ก๊าซธรรมชาติ แอลเอ็นจีแพงจริง เราต้องเอาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมาใช้ สักหนึ่งพันลูกบาศก์ฟุต เพื่อลดการนำเข้า ​และ กฟผ.​ต้องบอกว่าห้ามซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ให้กำไรได้ไม่เกินร้อยละสิบ โดยโครงการใหม่ต้องไม่ซื้อ ขณะที่นายกรณ์ได้สวนทันควันว่า “แล้วรัฐบาลของคุณเพิ่งเซ็นสัญญาซื้อเพิ่มเมื่อไม่นานมานี้”


ทำให้นายอุตตมต้องตอบว่า ก็ต้องดูว่าใครรับผิดชอบ ตอนนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาล    


ขณะที่นายเกียรติกล่าวว่าไฟฟ้าแพงมีหลายส่วน  สูตรวิธีการคำนวนไม่เป็นธรรมแก้   ตอนนี้ปิโตรเคมีซื้อถูกกว่าที่เข้าโรงไฟฟ้าเท่าตัว  รัฐบาลควรทำทันที  รวมถึงต้องลดค่าผ่านท่อที่ปิโตรเคมีจ่ายตำกว่าที่ผ่านไปโรงไฟฟ้า ที่ผ่านมาเรางัดใน ครม. แล้วแต่ไม่สำเร็จ




ขณะที่ ม.ล.ชโยทิต แย้งว่า  ที่บอกว่าไฟฟ้าส่วนเกินหกสิบเปอร์เซนต์  จะเอาตัวเลขใคร หากเป็นตัวเลขกระททรวงพลังงานจะพบว่าสำรอง 36% ตัวเลขไม่ใช่หกสิบ   ตัวเลขสำรองไปนับรวมพลังงานสะอาดเป็นร้อยเปอร์เซนต์​แต่ไม่สามารถทำได้ตลอด แต่เมื่อทำแล้วก็อยู่ที่ 36%


นายเกียรติก็สวนกลับว่า เขาเรียกพึ่งพาได้ในช่วงพีค แต่ไม่ว่าจะนับยังไง 60% คือตัวเลขสูงสุด​แต่ 36% ก็สูงเกินเหตุ



ม.ล. ชโยทิต กล่าวว่า  “ก็ยอมรับไง”



ด้าน น.พ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ​ สิ่งที่สำคัญคือมีการพูดและเตือนมาตลอด และมีวิธีการตั้งแเยอะทำไมไม่ตรวจสอบดู   คนทำงานคนรับผิดชอบถือผลประโยชน์ของใครต่างหาก



ขณะที่นายธนาธรกล่าวว่า การอนุมัติในรัฐบาลประยุทธ์ไม่ได้มีแค่พลังงานสะอาด  เฉพาะที่เกิดในรัฐบาลประยุทธ์ มีมากถึง​3,100 เมกกะวัตต์  หรือคิดเป็น46% ของโครงการใหม่ทั้งหมด   เราต้องเข้าใจเรื่องนี้คำสั่ง คสช.​2557 พล.อ.ประยุทธ์ตั้งตัวเองเป็นคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และปลดเลขาธิการ และกรรมการกำกับกิจการพลังงานยกชุด และยึดองคาพยพทั้งหมด และอนุมัติโครงการไฟฟ้าที่ล้นเกิน



อย่างไรก็ตามระหว่างการดำเนินรายการ นายสุพัฒนพงษฺ พันธุ์มีเชาวน์  รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้โทรศัพท์มาชี้แจง โดยผู้ร่วมรายการแต่ละคนพยายามเรียกร้องให้มาตอบด้วยตัวเองที่สถานี  โดยนายสุพัฒนพงษ์ก็ชี้แจงว่าที่ผ่านมาก็มีนโยบายช่วยเหลือผู้เปราะบางอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว   ทำมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว



ด้านนายกรณ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นปัญหาหลักคือเรื่องการผูกขาด ทำให้ไฟแพงแก๊สแพง ต้องแก้ที่การเมือง แก้ที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาล ขณะที่ ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่า   ไม่มีหรอกกลุ่มทุน ทุกอย่างทำตามถูกต้องไม่ใช่ รมต. หรือนายกฯ ทำคนเดียว



ทำให้นายธนาธร แย้งว่า มีหลักฐานชัดเจนว่ากลุ่มทุนพลังงานไฟฟ้า เป็นผู้บริจาคให้มูลนิธิป่ารอยต่อ  ขณะที่นายอุตตมบอกว่า “ผมไม่มีข้อมูลนี้ เกิดเมื่อไหร่อะไรยังไงผมไม่ทราบ ต้องมาวิเคราะห์พิจารณา ว่าอะไรเชื่อมโยงกันไหม”



ต่อมาเป็นการ นำเสนอเรื่องการหารายได้ โดย ม.ล.ชโยทิต ได้ระบุว่านโยบายของพรรคจะแก้ไขปัญหาผู้เปราะบางอย่างมีวินัยอย่างตรงเป้า ไม่ใช่เป็นการเหวี่ยงแห แล้วหวังว่าเศรษฐกิจจะตื่นขึ้นมา โดยตอนนี้เศรษฐกิจเราฟื้นแล้ว แต่เพื่อนบ้านเขาไม่ได้ผงกขึ้นแบบเราแต่เขาทิ่มลง   เราส่งเสริมอุตสาหกรรม   ดึงการลงทุนจากต่างชาติ   ส่งเสริมการท่องเที่ยว  พร้อมยืนยันว่าเศรษฐกิจไม่ได้แย่



ด้าน น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า  ต้องวัดว่าประชาชนรู้สึกอย่างไร เรามี ส.ส.ในพื้นที่เรารู้ว่าความทุกข์เขาอยู่ตรงไหน  ค่าปุ๋ยจ่อเพิ่มขึ้นสองสามเท่า เขาถึงหมดกำลัง เราจะทำอย่างไรกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ ดูแลเรื่องเกษตรกร  ให้เป็นเกษตรก้าวหน้า



“ถ้าเรารดน้ำที่ราก รายได้ของประชาชนจะเกิดขึ้น”



น.พ.พรหมมินทร์ กล่าวต่อว่า เราจะต้องทำให้ประชาชนผลิตเพิ่มขึ้น  เราต้องพูดเรื่องการท่องเที่ยว เปิดประตูรับนักท่องเที่ยว   เราต้องดูเอสเอ็มอีเราต้องดูว่าเราจะช่วยเขาทำตลาดอย่างไร  จะเปลี่ยนรัฐอุปสรรคให้เป็นรัฐสนับสนุน  ที่ผ่านมาคิดว่าความใส่ใจปล่อยให้ข้าราชการดูกันเอง แต่เราไม่ใช่ เราใส่ใจและเราใกล้ชิดกับประชาชน



ด้านนายธนาธร ยืนยันว่าเศรษฐกิจกำลังมีปัญหาแน่นอน  ใครบอกว่าดีลองไปเดินตลาดกับตัวเองดู หาน้อยมากที่ชีวิตไม่ลำบาก เทียบกับเพื่อนบ้าน ปหากรับฐานจีดีพี  ให้เท่ากันที่หนึ่งร้อย ที่ปรับกลับมาไม่ถึงหนึ่งร้อยมีคนเดียวที่ไม่ถึงคือเรา  เรายังไม่ได้กลับไปที่เดิมเลย   การพาประเทศไทยไปข้างหน้าพรรคก้าวไกลพูดไปเยอะเรื่องการจัดการงบประมาณใหม่ อยากให้เห็น ปัญหาสำคัญของอนาคตคือขีดความสามารถการแข้งขันของประเทศ​ทุกประเทศแข่งกันตลอดเวลา ลูกหลานเราไม่มีงานทำ ส่งออกไม่ได้ ข้อเสนอคือเราต้องพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศไทยให้ได้ เพราะให้ไทยมีเทคโนโลยีของตัวเอง


ส่วนนายอุตตมกล่าวว่า มุมมองของตน วันนี้ยังไม่ฟื้นแท้จริง ดีขึ้นไหม แต่บางจุดเท่านั้น  เราดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ไม่ใช่ดีขึ้นอย่างจริงๆ  มองข้างนอกอย่ามองแต่ตัวเรา พายุใหญ่อาจมาถึงในไม่ช้า  หากบอกว่ากำลังฟื้นพร้อมจะรับมือสิ่งเหล่านี้ไหม หนี้เราแก้ทั้งหมดไม่ใช่แค่พักหนี้ แต่จะเติมทุนใหม่ เติมทักษะ เติมโอกาส



ขณะที่นายเกียรติกล่าวว่า ประชาธิปัตย์หาเงินได้ล้านล้านโดยไม่ต้องกู้ และจะทำให้ฐานรากเข้มแข็ง  เราจะช่วยคนที่ได้รับการช่วยเหลือ เราจะไม่ออกแบบให้คนที่ไม่มีควาจำเป็นได้รับการช่วยด้วย  จากนี้ไป  เราต้องโตเต็มที่จากศักยภาพที่เรามี เราต้องเลิกขายข้าวกระสอบ เราต้องขายอาหารพร้อมทานที่กำไรสี่สิบเปอร์เซนต์  



“ผมไม่มีวันเอาเงินแสนล้านไปให้คนที่ไม่จำเป็นต้องช่วย” นายเกียรติกล่าว  



นายกรณ์​กล่าวว่าตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนจริง  แต่เป็นยวิกฤตหรือไม่ วิกฤตต้องเป็นอย่างซับไพรม์ หรือโควิด เราควรเก็บกระสุนไว้ใช้ยามวิกฤตจริงๆต้องเพิ่มการท่องเที่ยว  การท่องเที่ยวสีเทา อย่างเรื่องการพนัน เอาเรื่องเทาๆ เข้ามาไว้ที่สว่างที่กำกับได้ ดีกว่าอยู่ในมือผู้มีอิทธิพล  นอกจากนี้ยังมีสีขาว เรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู

คุณอาจสนใจ

Related News