คลิปเต็มรายการ
“ดีเบต” นโยบายเศรษฐกิจ ถกเดือดปัญหาค่าไฟแพง
โดย chiwatthanai_t
28 เม.ย. 2566
314 views
“ช่อง 3” จัดดีเบต ประชันวิสัยทัศน์ “เศรษฐกิจ - ปากท้อง” ถกแก้ปัญหาค่าไฟแพง ประสานเสียงต้องปรับโครงสร้างพลังงาน เผยอุตสาหกรรมปิโตรเคมีใช้ LNG ถูกกว่าโรงงานผลิตไฟ เปิดนโยบายหารายได้ รวมไทยสร้างชาติยันเศรษฐกิจดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 จัดดีเบต เลือกตั้ง66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ในหัวข้อประชันนโยบายเศรษฐกิจ - ปากท้อง โดยมีผู้ร่วมดีเบตประกอบด้วย น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย , นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียง พรรคก้าวไกล , ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรครวมไทยสร้างชาติ , นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ , นายเกียรติ สิทธีอมร คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ , นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และดำเนินรายการโดยสรยุทธ สุทัศนะจินดา
เมื่อเริ่มรายการผู้ดำเนินรายการได้สอบถาม ถึงกรณีปัญหาค่าไฟแพง โดยนายธนาธรกล่าวว่า ค่าไฟที่แพงขึ้นไม่ได้เกิดในวันนี้ แต่เป็นผลพวงของนโยบายที่ผิดพลาดของภาครัฐทำให้เรามีกำลังผลิตไฟฟ้ามากเกินจำเป็นถึง 60% เวลาเราผลิตพืชผลได้มาก ราคาต้องลง แต่ทำไมไฟฟ้าถึงขึ้น วิธีการแก้คือตนเห็นด้วยกับการดูแลอุดหนุนเยียวยาประชาชนระยะสั้น
“ประชาชนบางคนเดือนหน้าจะไม่กังวลแล้วเรื่องค่าไฟเพราะมิเตอร์ถูกถอดออกแล้ว”
นายธนาธรกล่าวจ่อว่า พรรคก้าวไกลจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพลังงาน ยกตัวอย่างที่มา LNG ที่ใช้ผลิตไฟ เราเอาของถูกให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมี แต่เอาของแพงให้ประชาชน หากมาแก้ไขก็จะมีการจัดสรรให้เหมาะสมขึ้น ในระยะยาว เราต้องเปิดให้ประชาชนสามารถขายไฟให้การไฟฟ้าได้
ขณะที่ ม.ล.ชโยทิต กล่าวว่า ค่าไฟถูกเอามาหาเสียงบิดเบือน วันนี้หากไม่ช่วยค่าไฟจะเป็นห้าบาทกว่าแล้ว และวันนี้ กฟผ.ก็แบกหนี้แล้ว เพราะฉะนั้นจะมาบอกว่ารัฐบาลไม่แก้ไขตรงนี้ไม่แฟร์ ทำเต็มที่แล้วและเราช่วยคนเปราะบางด้วย
ขณะที่นายกรณ์กล่าวว่าก่อนหน้านี้มีการเตรียมจะขึ้นค่าไฟ แต่สุดท้ายมีการยอมปรับลงมา ค่าไฟสะท้อนปัญหาเศรษฐกิจโครงสร้าง การที่ กกต.ตีกลับเรื่องการใช้งบหมื่นล้านช่วยลดค่าไฟ เป็นเรื่องหน้าเศร้าเพราะมาเร่งทำตอนนี้ หากดำเนินการตอนนั้นก็ไม่มีปัญหาต้องยื่นขอ กกต.ด้วยซ้ำไป วันนี้กำลังผลิตแก๊สจากอ่าวไทยก็กำลังเพิ่ม ทำไมประชาชนต้องมารับภาระผิดพลาดการบริหารของการลงทุน พร้อมเสนอให้ยกเว้นค่าเอฟทีตอนหน้าร้อนและไปเก็บตอนประชาชนใช้ไฟน้อยลง
ด้านนายอุตตม กล่าวว่า แนวทางของพลังประชารัฐ จะยุติการทำสัญญาแบบนี้ที่ไฟเกินหกสิบเปอร์เซนต์จนไฟฟ้าส่วนเกินลดลงมาเหลือร้อยละสิบห้า แต่ประเด็นกลับมาที่ก๊าซธรรมชาติ แอลเอ็นจีแพงจริง เราต้องเอาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมาใช้ สักหนึ่งพันลูกบาศก์ฟุต เพื่อลดการนำเข้า และ กฟผ.ต้องบอกว่าห้ามซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ให้กำไรได้ไม่เกินร้อยละสิบ โดยโครงการใหม่ต้องไม่ซื้อ ขณะที่นายกรณ์ได้สวนทันควันว่า “แล้วรัฐบาลของคุณเพิ่งเซ็นสัญญาซื้อเพิ่มเมื่อไม่นานมานี้”
ทำให้นายอุตตมต้องตอบว่า ก็ต้องดูว่าใครรับผิดชอบ ตอนนี้ไม่ได้เป็นรัฐบาล
ขณะที่นายเกียรติกล่าวว่าไฟฟ้าแพงมีหลายส่วน สูตรวิธีการคำนวนไม่เป็นธรรมแก้ ตอนนี้ปิโตรเคมีซื้อถูกกว่าที่เข้าโรงไฟฟ้าเท่าตัว รัฐบาลควรทำทันที รวมถึงต้องลดค่าผ่านท่อที่ปิโตรเคมีจ่ายตำกว่าที่ผ่านไปโรงไฟฟ้า ที่ผ่านมาเรางัดใน ครม. แล้วแต่ไม่สำเร็จ
ขณะที่ ม.ล.ชโยทิต แย้งว่า ที่บอกว่าไฟฟ้าส่วนเกินหกสิบเปอร์เซนต์ จะเอาตัวเลขใคร หากเป็นตัวเลขกระททรวงพลังงานจะพบว่าสำรอง 36% ตัวเลขไม่ใช่หกสิบ ตัวเลขสำรองไปนับรวมพลังงานสะอาดเป็นร้อยเปอร์เซนต์แต่ไม่สามารถทำได้ตลอด แต่เมื่อทำแล้วก็อยู่ที่ 36%
นายเกียรติก็สวนกลับว่า เขาเรียกพึ่งพาได้ในช่วงพีค แต่ไม่ว่าจะนับยังไง 60% คือตัวเลขสูงสุดแต่ 36% ก็สูงเกินเหตุ
ม.ล. ชโยทิต กล่าวว่า “ก็ยอมรับไง”
ด้าน น.พ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า สิ่งที่สำคัญคือมีการพูดและเตือนมาตลอด และมีวิธีการตั้งแเยอะทำไมไม่ตรวจสอบดู คนทำงานคนรับผิดชอบถือผลประโยชน์ของใครต่างหาก
ขณะที่นายธนาธรกล่าวว่า การอนุมัติในรัฐบาลประยุทธ์ไม่ได้มีแค่พลังงานสะอาด เฉพาะที่เกิดในรัฐบาลประยุทธ์ มีมากถึง3,100 เมกกะวัตต์ หรือคิดเป็น46% ของโครงการใหม่ทั้งหมด เราต้องเข้าใจเรื่องนี้คำสั่ง คสช.2557 พล.อ.ประยุทธ์ตั้งตัวเองเป็นคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และปลดเลขาธิการ และกรรมการกำกับกิจการพลังงานยกชุด และยึดองคาพยพทั้งหมด และอนุมัติโครงการไฟฟ้าที่ล้นเกิน
อย่างไรก็ตามระหว่างการดำเนินรายการ นายสุพัฒนพงษฺ พันธุ์มีเชาวน์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้โทรศัพท์มาชี้แจง โดยผู้ร่วมรายการแต่ละคนพยายามเรียกร้องให้มาตอบด้วยตัวเองที่สถานี โดยนายสุพัฒนพงษ์ก็ชี้แจงว่าที่ผ่านมาก็มีนโยบายช่วยเหลือผู้เปราะบางอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ทำมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
ด้านนายกรณ์ กล่าวอีกว่า ประเด็นปัญหาหลักคือเรื่องการผูกขาด ทำให้ไฟแพงแก๊สแพง ต้องแก้ที่การเมือง แก้ที่ผู้มีอำนาจในรัฐบาล ขณะที่ ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่า ไม่มีหรอกกลุ่มทุน ทุกอย่างทำตามถูกต้องไม่ใช่ รมต. หรือนายกฯ ทำคนเดียว
ทำให้นายธนาธร แย้งว่า มีหลักฐานชัดเจนว่ากลุ่มทุนพลังงานไฟฟ้า เป็นผู้บริจาคให้มูลนิธิป่ารอยต่อ ขณะที่นายอุตตมบอกว่า “ผมไม่มีข้อมูลนี้ เกิดเมื่อไหร่อะไรยังไงผมไม่ทราบ ต้องมาวิเคราะห์พิจารณา ว่าอะไรเชื่อมโยงกันไหม”
ต่อมาเป็นการ นำเสนอเรื่องการหารายได้ โดย ม.ล.ชโยทิต ได้ระบุว่านโยบายของพรรคจะแก้ไขปัญหาผู้เปราะบางอย่างมีวินัยอย่างตรงเป้า ไม่ใช่เป็นการเหวี่ยงแห แล้วหวังว่าเศรษฐกิจจะตื่นขึ้นมา โดยตอนนี้เศรษฐกิจเราฟื้นแล้ว แต่เพื่อนบ้านเขาไม่ได้ผงกขึ้นแบบเราแต่เขาทิ่มลง เราส่งเสริมอุตสาหกรรม ดึงการลงทุนจากต่างชาติ ส่งเสริมการท่องเที่ยว พร้อมยืนยันว่าเศรษฐกิจไม่ได้แย่
ด้าน น.พ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ต้องวัดว่าประชาชนรู้สึกอย่างไร เรามี ส.ส.ในพื้นที่เรารู้ว่าความทุกข์เขาอยู่ตรงไหน ค่าปุ๋ยจ่อเพิ่มขึ้นสองสามเท่า เขาถึงหมดกำลัง เราจะทำอย่างไรกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ ดูแลเรื่องเกษตรกร ให้เป็นเกษตรก้าวหน้า
“ถ้าเรารดน้ำที่ราก รายได้ของประชาชนจะเกิดขึ้น”
น.พ.พรหมมินทร์ กล่าวต่อว่า เราจะต้องทำให้ประชาชนผลิตเพิ่มขึ้น เราต้องพูดเรื่องการท่องเที่ยว เปิดประตูรับนักท่องเที่ยว เราต้องดูเอสเอ็มอีเราต้องดูว่าเราจะช่วยเขาทำตลาดอย่างไร จะเปลี่ยนรัฐอุปสรรคให้เป็นรัฐสนับสนุน ที่ผ่านมาคิดว่าความใส่ใจปล่อยให้ข้าราชการดูกันเอง แต่เราไม่ใช่ เราใส่ใจและเราใกล้ชิดกับประชาชน
ด้านนายธนาธร ยืนยันว่าเศรษฐกิจกำลังมีปัญหาแน่นอน ใครบอกว่าดีลองไปเดินตลาดกับตัวเองดู หาน้อยมากที่ชีวิตไม่ลำบาก เทียบกับเพื่อนบ้าน ปหากรับฐานจีดีพี ให้เท่ากันที่หนึ่งร้อย ที่ปรับกลับมาไม่ถึงหนึ่งร้อยมีคนเดียวที่ไม่ถึงคือเรา เรายังไม่ได้กลับไปที่เดิมเลย การพาประเทศไทยไปข้างหน้าพรรคก้าวไกลพูดไปเยอะเรื่องการจัดการงบประมาณใหม่ อยากให้เห็น ปัญหาสำคัญของอนาคตคือขีดความสามารถการแข้งขันของประเทศทุกประเทศแข่งกันตลอดเวลา ลูกหลานเราไม่มีงานทำ ส่งออกไม่ได้ ข้อเสนอคือเราต้องพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศไทยให้ได้ เพราะให้ไทยมีเทคโนโลยีของตัวเอง
ส่วนนายอุตตมกล่าวว่า มุมมองของตน วันนี้ยังไม่ฟื้นแท้จริง ดีขึ้นไหม แต่บางจุดเท่านั้น เราดูเหมือนจะดีขึ้น แต่ไม่ใช่ดีขึ้นอย่างจริงๆ มองข้างนอกอย่ามองแต่ตัวเรา พายุใหญ่อาจมาถึงในไม่ช้า หากบอกว่ากำลังฟื้นพร้อมจะรับมือสิ่งเหล่านี้ไหม หนี้เราแก้ทั้งหมดไม่ใช่แค่พักหนี้ แต่จะเติมทุนใหม่ เติมทักษะ เติมโอกาส
ขณะที่นายเกียรติกล่าวว่า ประชาธิปัตย์หาเงินได้ล้านล้านโดยไม่ต้องกู้ และจะทำให้ฐานรากเข้มแข็ง เราจะช่วยคนที่ได้รับการช่วยเหลือ เราจะไม่ออกแบบให้คนที่ไม่มีควาจำเป็นได้รับการช่วยด้วย จากนี้ไป เราต้องโตเต็มที่จากศักยภาพที่เรามี เราต้องเลิกขายข้าวกระสอบ เราต้องขายอาหารพร้อมทานที่กำไรสี่สิบเปอร์เซนต์
“ผมไม่มีวันเอาเงินแสนล้านไปให้คนที่ไม่จำเป็นต้องช่วย” นายเกียรติกล่าว
นายกรณ์กล่าวว่าตอนนี้ประชาชนเดือดร้อนจริง แต่เป็นยวิกฤตหรือไม่ วิกฤตต้องเป็นอย่างซับไพรม์ หรือโควิด เราควรเก็บกระสุนไว้ใช้ยามวิกฤตจริงๆต้องเพิ่มการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวสีเทา อย่างเรื่องการพนัน เอาเรื่องเทาๆ เข้ามาไว้ที่สว่างที่กำกับได้ ดีกว่าอยู่ในมือผู้มีอิทธิพล นอกจากนี้ยังมีสีขาว เรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู
แท็กที่เกี่ยวข้อง เลือกตั้ง66เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ ,เลือกตั้ง66 ,คู่มือเลือกตั้ง66