เสี่ยรับเหมา ร้อง เจอเมียกับชายชู้คนที่ 5 อยากฟ้องหย่า หวั่นไม่ปลอดภัย

เสี่ยรับเหมาร้องเรียน เพจสายไหมต้องรอด เมียแอบพาชายชู้คนที่ 5 เข้ามานอนในเรือนหอ อยากฟ้องอย่า แต่กลัวไม่ปลอดภัย อ้างชู้ 4 คนที่ผ่านมาเป็นตำรวจ



วันนี้ ( 8 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยเสี่ย ก. อายุ 45 ปี เล่าว่า ภรรยาคนนี้อายุ 35 ปี อยู่กินมาได้ 10 กว่าปีและเพิ่งจดทะเบียนสมรสเมื่อปี 2564 ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็จับได้โดยตลอดว่าภรรยาแอบมีชู้ มาโดยตลอด โดยคนแรกเริ่มจับได้ตั้งแต่ 2-3 ปีแรกที่คบกัน ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสูง จับได้ผ่านทางแชทและมีคนมาบอก แต่ภรรยาอ้างว่านับถือเป็นพ่อลูกบุญธรรมกัน คนที่ 2 ประมาณปี 2561 เป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง จับได้ว่าแอบแชทคุยกันแล้วไปหาที่เขาค้อด้วยกันและใช้คำสรรพนามผัวเมียด้วยกัน คนที่ 3 ประมาณปี 2563 ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจระดับสูง จับได้ว่าแอบแชทไปเที่ยวทะเลหัวหินด้วยกัน  และคนที่ 4 ประมาณปี 2565 ก็เป็นข้าราชการตำรวจ ซึ่งคนนี้เขาอ้างว่าเป็นเพื่อนกัน และพามาเจอเสี่ย เสี่ยก็เข้าใจว่าเป็นเพื่อน จนพบแชทว่ามีการนัดไปเจอกันที่เขาค้อ

โดย 4 ครั้งที่ผ่านมานั้น ภรรยาอ้างปฏิเสธว่า ไม่ได้คบชู้กันและเนื่องจากตนไม่สามารถจับได้คาหนังคาเขาทั้ง 4 รายก่อนหน้านี้ เลยมองว่าเป็นเรื่องอดีตที่ผ่านไปแล้วและให้อภัยกัน ยอมรับว่าตอนนั้นให้อภัยไปเพราะด้วยความรัก แต่ตนก็ยังไม่เชื่อใจและคอยเฝ้าจับตาดูภรรยามาโดยตลอด

กระทั่งล่าสุด จับได้ว่าภรรยามีชู้คนที่ 5 ไปนอนที่เรือนหอที่สร้างเอาไว้ที่พิษณุโลก โดยภรรยาอ้างว่ากลับไปทำธุระคดีที่ดิน ซึ่งเสี่ยมาทราบภายหลังว่า เรื่องคดีที่ดินเป็นเรื่องโกหกและต้องฟ้องในช่วงเดือนกรกฎาคม จึงรู้สึกได้ถึงความผิดปกติว่าทำไมถึงไปก่อนล่วงหน้าหลายวัน ตนจึงเดินทางลักลอบขึ้นไปหาเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน โดยไม่บอกกล่าว ถึงประมาณตี 4 เข้าไปก็เจอภรรยานอนกอดกับชู้วันที่ 5 คาห้องนอน สภาพคือไม่ใส่เสื้อผ้าทั้งคู่ ซึ่งภรรยาอ้างว่า ไม่ได้มีอะไรกัน แค่เมาและมานอนเล่นกันเฉยๆ ยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรกัน ซึ่งตนไม่เชื่อ

ส่วนชายคนนั้นก็หน้าตาไม่สลดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่พูดอะไร ซึ่งมองว่าผิดปกติ แม้กระทั่งคำขอโทษก็ไม่มีการกล่าวแล้วก็ออกจากบ้านไปแบบหน้าตาเฉย ทราบว่าชายคนนี้เป็นเพียงแค่ผู้รับเหมาถมดินหน้าบ้าน แล้วพบว่าแอบคุยกับภรรยามานานแล้ว แต่ตนไม่ได้เอะใจจนกระทั่งมาจับได้ ยอมรับว่าคืนนั้นบนพกปืนปลอมไป เพื่อป้องกันตนเองเพราะเกรงว่าจะรับอันตราย ยอมรับว่าถ้าพกปืนจริงไปก็อาจจะเกิดการใช้อาวุธปืนขึ้นได้

ต่อมาช่วงกลางวัน ทางฝ่ายหญิงอ้างว่าเป็นความผิดพลาดเพราะต่างคนต่างเมา ซึ่งตนก็เลยให้อภัยและยินยอมที่จะกลับออกมาจากพิษณุโลก ให้ฝ่ายหญิงเคลียร์เรื่องที่ดินที่พิษณุโลกแต่เพียงลำพัง เพราะตนยังคงมีความรักให้กับภรรยาและมองว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว หลังจากนั้นตนทราบจากทนายความว่า ภรรยาไม่ได้ดำเนินการนัดหมายเคลียร์เรื่องคดีที่ดินเลยและพบว่า มีการลักลอบเข้ามาขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน รวมมูลค่า สูงกว่าหลักแสนกว่าบาท

จึงเป็นฟางเส้นสุดท้านที่ตนตัดสินใจเตรียมจะดำเนินการฟ้องหย่าและฟ้องชู้ ปรากฏว่ากลับถูกข่มขู่เอาถึงชีวิต รวมทั้งยังถูกติดตามจาก GPS ของโทรศัพท์ เลยวิตกกังวลถึงความปลอดภัยว่า หากตนเป็นอะไรไป จะทำให้ภรรยาได้ทรัพย์สินที่ตนช่วยกันสร้าง โดยเฉพาะเรือนหอที่พิษณุโลกซึ่งตอนนี้เป็นชื่อเครือญาติของภรรยาและเกรงว่า ภรรยาจะได้ทรัพย์สินเหล่านี้ไปเสวยสุขร่วมกับชู้

สาเหตุที่มาร้องเรียนวันนี้ เพื่อร้องขอความปลอดภัยและหากเสี่ยเป็นอะไรไปจะได้รู้ว่าเกิดจากอะไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมอย่างมากและให้สังคมรับรู้ว่าเรื่องจริงยิ่งกว่าละคร ตอนนี้ตนได้แยกกันอยู่กับภรรยาแล้วและต้องการที่จะฟ้องหย่าเท่านั้น รวมทั้งกังวลในเรื่องความปลอดภัยของชีวิตตนเอง ยืนยันว่าจะไม่มีกลับไปคบหากับหญิงคนนี้อีก มันจบแล้ว จะไม่ให้อภัยอีกแล้ว รวมทั้งฝากบอกว่า ฝ่ายหญิงควรจะต้องมีจิตสำนึกที่จะต้องรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้ โดยเฉพาะที่เสี่ยฟ้องคดีอาญาและฟ้องร้องหย่า ซึ่งจะดำเนินการประสานกระทรวงยุติธรรมให้ดำเนินการคุ้มครองพยานให้





โดย olan_l

8 ต.ค. 2567

229 views

EP อื่นๆ