บันเทิง

2 ฝ่ายเคลื่อนไหวรัว! 'ทนายเดชา' ลั่นถ้า 'จูน' เดินสายออกสื่อทำ 'หนุ่ม กะลา' เสียหาย จะไม่เจรจา-ฟ้องหย่า

โดย passamon_a

10 มิ.ย. 2567

306 views

ทนายเดชา เผยเงิน 66 ล้าน โอนออกจากบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่ หนุ่ม กะลา ฟ้องคนใกล้ชิดยักยอกทรัพทย์ ไม่ได้นำไปใช้ในกิจการของห้างฯ และครอบครัว เงินใช้จ่ายในครอบครัวประจำเดือนหลายแสนบาทเป็นเงินของ หนุ่ม กะลา อีกก้อน ด้าน จูน เพ็ญชุลี เคลื่อนไหวเข้าพบจิตแพทย์ ปลดล็อคความในใจ แค่นึกถึงลูกถ้าไม่มีเรา ก็มีแรงลุกมาจัดการเอกสาร 3 ลัง


จากกรณี หนุ่ม กะลา พร้อมด้วย ทนายเดชา ตั้งโต๊ะแถลงข่าวฟ้อง จูน เพ็ญชุลี ยักยอกเงิน 66 ล้านบาท พร้อมกับเปิดรายได้ของตนปีละ 20 ล้าน ถามเงินหายไปไหน จนฝ่ายภรรยาโพสต์โต้กลับแจงรายจ่ายยิบ โดยการแถลงฟ้องดังกล่าว ช่วงหนึ่ง หนุ่ม กะลา ได้พูดประโยคเด็ดที่ว่า "ผมร้องเพลงคืนเดียว ได้เงินมากกว่าเงินเดือนเขาทั้งเดือน" "25 ปีที่ผ่านมา เป็นเงินผมนะครับที่เลี้ยงเขาและครอบครัว มันไม่ใช่เงินของจูนนะครับ จูนไม่ได้เป็นคนดูแลครอบครัวนะครับ"


เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.67 ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้โพสต์ในเพจทนายคลายทุกข์ ว่า "ชี้แจงข้อเท็จจริงเงิน 66 ล้านที่มีการฟ้องยักยอก หนุ่มกะลาได้ทำการตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีของห้างแล้วเงินจำนวน 66 ล้าน ที่เข้าบัญชีคนใกล้ตัว ไม่ได้นำไปใช้ในกิจการของห้างและครอบครัวแต่อย่างใด เงินที่ใช้จ่ายในครอบครัวประจำเดือนหลายแสนบาทนั้นเป็นเงินของหนุ่มกะลาอีกก้อนหนึ่ง ไม่ได้เกี่ยวกับเงินจำนวน 66 ล้านบาท ตามที่มีการฟ้องร้องกันที่ศาลแขวงสมุทรปราการ จึงเรียนมายังพี่น้องสื่อมวลชนเพื่อทราบ"


นอกจากนี้ ทนายเดชา ยังได้เขียนคอมเมนต์ใต้โพสต์ดังกล่าวอีกว่า "พยานหลักฐานทั้งหมดจะพิสูจน์กันในชั้นศาล หนุ่มกะลาบอกทนายเดชา ว่าถ้าหลักฐานไม่ชัดไม่กล้าฟ้องหรอกครับ ความจริงจะอยู่ในศาลเท่านั้นครับจะไม่อยู่บนโซเชียล"


ขณะที่ ทนายเดชา ได้เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า ตนได้รับคำยืนยันจาก หนุ่ม กะลา ว่าเงิน 66 ล้าน ที่หนุ่ม กะลา ฟ้องคนใกล้ตัว 2 คน เป็นผู้หญิง ที่ศาลแขวงจังหวัดสมุทรปราการ โดยหนุ่ม กะลา ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีทำการตรวจสอบสเตทเม้นท์และเอกสารทั้งหมดแล้ว ซึ่งตามที่คู่กรณีอ้างว่าเงินจำนวนดังกล่าวได้นำไปใช้ในครอบครัวเดือนละประมาณ 7 แสนบาทนั้น ไม่เป็นความจริง จากการตรวจสอบเงินที่ใช้ในครอบครัวเดือนละประมาณ 6 แสนบาท เป็นเงินคนละก้อนกัน ดังนั้นเงิน 66 ล้าน ที่หายไปจากบัญชีของห้างฯ ตั้งแต่ 9 ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้ใช้เพื่อประโยชน์กิจการของห้างฯ และไม่ได้ใช้เพื่อครอบครัวแต่อย่างใด


ทนายเดชา ยังกล่าวอีกว่า ลูกความของตนเป็นคนที่มีฐานะทางการเงินดีและมีชื่อเสียง ไม่มีเหตุผลใดต้องโกหก ทั้งนี้ตนได้รวบรวมหลักฐาน สัปดาห์หน้าเตรียมฟ้องเพจบางเพจรับจ้างจากคู่กรณีโพสต์ด่า หนุ่ม กะลา ใช้โซเชียลเล่นงานหนุ่ม กะลา ตนยืนยันจะแฉและดำเนินคดี มีหลักฐานการโอนเงินต่าง ๆ ชัดเจน ลั่นความจริงบนโลกโซเชียลไม่มี ความจริงอยู่ในศาล ตอนนี้ร่างฟ้องเสร็จแล้ว


ทนายเดชา ยังโพสต์เพิ่มเติมว่า "เมื่อสักครู่ได้รับแจ้งจากคุณหนุ่มกะลาว่า งบการเงินที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย มีเนื้อหาเป็นเท็จ" และอีกโพสต์หนึ่ง ระบุว่า "คนใกล้ตัวของหนุ่มกะลาไปเบิกศาลเบิกความต่อศาลเยาวชนว่า "สามีข้ามีรายได้ปีละ 30 ล้าน" แต่ในงบการเงินบอกว่า 14 ล้าน หนุ่มกะลาแจ้งมา"


ทนายเดชา ยังโพสต์ข้อมูลงบการเงินเพิ่มเติมในคอมเมนต์ และระบุว่า "ลองดูงบการเงินที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตนะครับ เทียบเคียงกับคำเบิกความในศาลครับ"


ทีมข่าวสอบถามไปยัง ทนายเดชา ถึงประเด็นที่โพสต์ว่า ได้รับแจ้งจากคุณหนุ่มกะลา ว่างบการเงินที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย มีเนื้อหาเป็นเท็จ โดยทนายเดชา ระบุว่า เนื้อหาสาระสำคัญในงบการเงินไม่เป็นความจริง เกี่ยวกับหนี้สินหรือทรัพย์สินต่าง ๆ ไม่ตรงตามความเป็นจริง โดย หนุ่ม กะลา ได้ตรวจสอบแล้วมีการตบแต่งบัญชี ทั้งเรื่องกำไรขาดทุนก็เป็นเท็จ จากนี้หนุ่ม กะลา บอกให้ตนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ขณะนี้หนุ่ม กะลา กำลังรวบรวมหลักฐาน


ส่วนประเด็นที่ระบุว่า คนใกล้ตัวของหนุ่มกะลาไปเบิกความต่อศาลเยาวชนว่า "สามีข้ามีรายได้ปีละ 30 ล้าน" แต่ในงบการเงินบอกว่า 14 ล้านนั้น ทนายเดชา กล่าวว่า หนุ่ม กะลา ได้ตรวจคำเบิกความศาลเยาวชน คดีที่มีการฟ้องชู้ ปรากฏว่ามีคนใกล้ตัวของหนุ่ม กะลา ไปเบิกความต่อศาลว่า "สามีข้ามีรายได้ปีละ 30 ล้าน" ขัดแย้งกับงบการเงินที่บอกว่า 14 ล้าน เท่ากับว่าเบิกความในศาลกับตัวเลขในงบไม่ตรงกัน


ทนายเดชา ระบุอีกว่า ส่วนตัวไม่มีความเห็น ก็แล้วแต่ลูกความ อะไรไม่ตรงกันมันก็มีข้อสงสัย ส่วนการดำเนินคดีต่าง ๆ รอให้ หนุ่ม กะลา แจ้งมา แต่ถ้าคู่กรณียังเดินสายออกทีวีให้สัมภาษณ์สื่อ จะไม่มีการเจรจาใด ๆ ทั้งสิ้น และจะเริ่มกระบวนการฟ้องหย่า โดย หนุ่ม กะลา ต้องการให้คดีจบทุกอย่างเลิกราแยกย้ายกันไป หากยังเดินสายออกสื่อทำให้ชื่อเสียงของ หนุ่ม กะลา เสียหาย ก็คงต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด ส่วนทรัพย์สินที่ติดหนี้ก็อาจจะไม่ผ่อนชำระ ปล่อยให้แบงค์ยึดไปเลย    


ทางฝั่งของ จูน เพ็ญชุลี เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.67 ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า "วันนี้มีนัดพบจิตแพทย์พอดี เลยได้ระบายแล้วก็ปลดบล๊อคความในใจไปหลายอย่าง หลังจากเศร้าอยู่ 2 วัน ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นและจะพยายามดีขึ้นในทุกวันค่ะ แค่นึกภาพว่าถ้าไม่มีเราแล้วลูกจะอยู่ยังไง ก็มีแรงลุกขึ้นมาจัดการกับเอกสาร 3 ลังใหญ่ที่รออยู่แล้วค่ะ ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ มนุษย์แม่อ่อนแอไม่ได้ค่ะ"


ขณะที่ นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือ ทนายพัฒน์ ทนายความส่วนตัว จูน เพ็ญชุลี เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า "ตอนนี้พี่จูนโดนฟ้องคดีอาญา 2 เรื่องนะครับ คือ จากคุณสา..ฟ้อง และจากมือที่สามฟ้อง รับมือศึก 2 ด้านเลย สงสารยิ่งกว่าสงสาร" นอกจากนี้ยังระบุเพิ่มเติมว่า "ทางผมและพี่จูนไม่มีนโยบายดำเนินคดีกับชาวเน็ตคนใดนะครับ แต่ผมขอให้ทุกคนตั้งสติและคอมเมนต์กันอย่างมีวิจารณญาณครับ ขอบคุณมากครับ"


ทนายพัฒน์ ยังโพสต์อีกว่า ถ้าจูนเพ็ญชุลีต้องมาติดคุกเพราะคดีแค่นี้ บรรดาเมีย ๆ ที่ใช้เงินผัว ติดคุกกันทั้งประเทศผมบอกเลย หลักกฎหมายอาญาเรื่องเจตนาจะมีไว้ทำไม? / ผมได้รับคำสั่งไฟเขียวจากแม่จูนแล้วนะครับ พร้อมครับ / ผมได้ยินข่าวว่ามีคนจะเอาจูนติดคุก ถ้าไม่ใช่จูนแล้วเป็นคนอื่นล่ะ ก็ไม่แน่นะครับ ตอบตรง ๆ ไม่เคยกลัว


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/QmSd0UixW9M

คุณอาจสนใจ

Related News