อาชญากรรม

สอบเครียด 'ส.ต.อ.' ยิงหนุ่มเมียนมาดับคา รพ. พบฉี่ม่วง อ้างอารมณ์ชั่ววูบ

โดย passamon_a

9 มิ.ย. 2567

246 views

คุมตัวตำรวจยิงหนุ่มเมียนมาดับคา รพ. อ้างอารมณ์ชั่ววูบ ไม่พอใจคนตายพูดจาก่อกวนพ่อป่วยพักเตียงติดกัน แฟนยอมรับคนตายชอบเล่นมือถือ อาจมีเสียงดัง เสียใจพาแฟนมาผ่าตัดกลับตาย


ความคืบหน้าคดี ส.ต.อ.วีระพงษ์ บัวเย็น ตำแหน่ง ผบ.หมู่ สถานีตำรวจภูธรพระยืน จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยิงนายจอ ชอ อ่อง อายุ 29 ปี สัญชาติเมียนมา เสียชีวิต ขณะที่กำลังนอนอยู่บนเตียงคนไข้ อาคารศัลยกรรมระบบปัสสาวะ ชั้น 5 โรงพยาบาลขอนแก่น ก่อนจะขับรถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ด สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ที่จอดไว้ริมถนนศรีจันทร์ หน้าโรงพยาบาลขอนแก่น หลบหนีไป เหตุเกิดในเวลาประมาณ 22.30 น. วันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา


โดยช่วงเช้า วันที่ 8 มิ.ย.67 แม่และภรรยา พามือปืนเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยแม่และภรรยาของมือปืนที่เห็นภาพข่าวของมือปืนในวงจรปิดที่สื่อมวลชนเผยแพร่ภาพออกไป ก็จำได้ว่ามือปืนที่ยิงหนุ่มเมียนมาคือ ส.ต.อ.วีระพงษ์ จึงได้เกลี้ยกล่อมและพาเข้ามอบตัวดังกล่าว


ซึ่งภายหลังเข้าห้องควบคุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกาย เบื้องต้นพบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง คือมีสารเสพติดในร่างกาย พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย


ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น. ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และคณะ ร่วมกันให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าในการสอบปากคำ โดย พล.ต.ต.อนุวัตร กล่าวว่า จากการสอบปากคำ ส.ต.อ.วีระพงษ์ ในเบื้องต้นยังให้การได้ไม่มากนัก เนื่องจากผู้ต้องหาอยู่ในอาการเครียด สับสน และพูดน้อย มีพฤติกรรมที่เสี่ยงจะทำร้ายตัวเอง ซึ่งให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ว่า ที่ทำไปเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เนื่องจากในวันและเวลาที่ก่อเหตุนั้น ผู้ต้องหาได้เดินทางไปเยี่ยมพ่อที่เข้ารับการรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้พักรักษาตัวอยู่ที่อาคารศัลยกรรมระบบปัสสาวะ ชั้น 5 โรงพยาบาลขอนแก่น ซึ่งเป็นห้องเดียวกันกับที่ผู้เสียชีวิตนอนรอเข้ารับการผ่าตัดอยู่ เตียงพ่อของผู้ต้องหาอยู่ติดกับเตียงของผู้ตาย


ผู้ต้องหาอ้างว่า ผู้ตายพูดจาก่อกวนพ่อของตนเอง จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนเสียชีวิต โดยที่ผู้ตายและผู้ต้องหาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ส่วนประเด็นสงสัยที่ว่าเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาก่อเหตุนั้น จะมีการสอบปากคำต่อไปเพื่อให้สิ้นสงสัย แต่ข้อจำกัดในตอนนี้คือ ผู้ต้องหามีความเครียดและสับสน


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้สอบถามประวัติการรักษาของผู้ต้องหา ทราบว่ามีอาการป่วยซึมเศร้า แต่ขาดการทานยารักษา ขณะนี้ผู้ต้องหายังสับสน ขณะสอบสวนก็มีอาการเครียด และนิ่งนานจึงจะตอบคำถามได้ และไม่ยินยอมให้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ยินยอมพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจยึดรถยนต์ เสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และอาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่บ้านพัก  


พล.ต.ต.อนุวัตร กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผู้ต้องหาปฏิบัติหน้าที่เป็น ผบ.หมู่ ที่สถานีตำรวจภูธรพระยืน จ.ขอนแก่น ทราบว่ายังคงทำหน้าที่ที่โรงพักตามปกติ เพียงแต่ไม่ได้ออกไปปฏิบัติงานที่ต้องพบปะกับผู้คน แต่เป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเพื่อเอาผิดทางวินัยควบคู่ไปกับคดีอาญา โดยจะต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งหลังจากนี้จะมีการสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอน พร้อมแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย พร้อมทั้งส่งตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ก่อนดำเนินการส่งฟ้องศาลฝากขังตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งเมื่อข้าราชการก่อเหตุอาชญากรรม ก็จะถูกดำเนินการตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งในเบื้องต้นก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อน  


ด้าน พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น กล่าวว่า หลังคุมตัวผู้ต้องหาถึง สภ.เมืองขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องหาเพื่อหาสารเสพติดในร่างกาย ปรากฏว่าเป็นสีม่วง เท่ากับว่าผู้ต้องหามีการเสพยาเสพติด แต่เพื่อความเป็นธรรมกับผู้ต้องหา ก็จะส่งตัวไปที่ รพ.ศูนย์ขอนแก่น ให้แพทย์ทำการตรวจซ้ำว่าปัสสาวะสีม่วงที่ตรวจพบในเบื้องต้นนั้นเป็นสารเสพติดจริงหรือไม่


ในส่วนของการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น ผู้ต้องหายังพูดย้ำคำเดิมว่า ยิงจริง แต่ไม่รู้ยิงทำไม และไม่รู้จักกับคนตายมาก่อน ซึ่งอาจสันนิษฐานได้ว่ามาจากอาการที่เกิดจากการเสพยาเสพติดหรือไม่ ซึ่งจะต้องให้แพทย์ทำการตรวจร่างกายของผู้ต้องหาก่อนจึงจะสรุปได้


ทางด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.ศูนย์ขอนแก่น กล่าวว่า ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเต็มที่ เพื่อคลี่คลายคดีที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาอ้างว่า รู้สึกเหมือนหนุ่มเมียนมา ผู้ตาย มาก่อกวนพ่อของตัวเองที่มารับการรักษาในอาคารเดียวกัน จนตัดสินใจใช้อาวุธปืนก่อเหตุดังกล่าวขึ้นโดยไม่รู้ตัวนั้น จากการตรวจสอบพบว่าบิดาของผู้ต้องหา ได้เข้ามารับการรักษาที่อาคารศัลยกรรมระบบปัสสาวะ ชั้น 5 อาคาร 6 โรงพยาบาลขอนแก่น เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.67 และพักรักษาตัวอยู่ที่เตียง 28 ติดกำแพงฝั่งระเบียงด้านหลัง ขณะที่หนุ่มเมียนมาเดินทางมารักษาตัวเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.67 เวลา 10.00 น. ที่อาคาร 5 ก่อนจะย้ายมาอีกอาคาร ที่เตียง 26 ซึ่งเป็นเตียงที่เกิดเหตุ ในเวลา 11.00 น. ซึ่งอยู่ห่างจากเตียงของพ่อมือปืนถัดมาอีก 2 เตียง


และจากข้อมูลของพยาบาลที่ดูแลในห้องที่ผู้ป่วยทั้ง 2 อยู่นั้น พบว่าเหตุการณ์เป็นไปอย่างปกติ ซึ่งหนุ่มเมียนมายังจิตใจดีช่วยญาติผู้ป่วยคนอื่น ๆ ยกของด้วย และไม่ได้มีปากเสียงกับใครแต่อย่างใด กระทั่งมือปืนเข้ามาในโรงพยาบาล เวลา 20.00 น. แล้วขึ้นมาหาพ่อก่อน ก่อนจะลงไปซื้อน้ำดื่ม 3 ขวดที่ร้านค้าสวัสดิการของโรงพยาบาล ในเวลา 21.13 น. และหายไปประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะปรากฏในกล้องวงจรปิดมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ในเวลาประมาณ 22.30 น. โดยอ้อมเข้ามาทางด้านหลังระเบียง ซึ่งหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปทันที ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น ที่ไม่ได้เกิดจากหนุ่มเมียนมาแต่อย่างใด


ขณะที่ นางสาวมณี อายุ 36 ปี แฟนผู้ตาย เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า เดินทางมาที่พัก เพื่อต้องการรับเอาโทรศัพท์คืน หลังจากที่ตำรวจตรวจยึดไปตรวจสอบ ซึ่งก็ทราบว่าตำรวจจับมือปืนที่ลงมือฆ่าแฟนหนุ่มได้แล้ว ก็รู้สึกโล่งใจ อยากบอกกับผู้ต้องหาว่าเสียใจมาก ไม่รู้ทำไม มือปืนถึงทำเช่นนี้ เพราะคนมาโรงพยาบาลก็เพื่อรักษาชีวิต แม้แต่พ่อของผู้ก่อเหตุซึ่งอยู่ในเตียงข้าง ๆ ก็ต้องการรักษาตัวเช่นกัน ในส่วนของผู้ต้องหารายนี้ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน รู้สึกผิดที่พาแฟนมาผ่าตัดแล้วต้องมาเสียชีวิต โดยไม่มีมูลเหตุ


แฟนผู้ตาย กล่าวอีกว่า พอรู้ว่าผู้ต้องหาเป็นตำรวจ ก็รู้สึกเสียใจและผิดหวัง ไม่คิดว่าตำรวจจะมาก่อเหตุแบบนี้ ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหาอ้างว่าผู้ตายก่อกวน ทำให้เป็นชนวนเหตุรุนแรง ยอมรับว่าอาจจะมีส่วน เพราะแฟนชอบเล่นโทรศัพท์จนดึก มีเสียงบ้าง รบกวนบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะทำกันรุนแรงขนาดนี้ เพราะทุกคนมีครอบครัวมีพ่อแม่ที่ต้องดูแลเหมือนกัน และในกรณีของยาเสพติดนั้น แฟนก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยว ไม่เคยมีเพื่อนที่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/N2HA1Zich1Y


คุณอาจสนใจ