ลูกเขยโหด ล้างแค้น 10 ปีถูกกีดกันความรัก บุกยิงพ่อตา-น้องเมียดับ หวังฆ่ายกครัว

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 15 ต.ค65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.เพชรเกษม ได้รับแจ้งเหตุ มีผู้ถูกใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต 2 ราย ภายในบ้านพัก หมู่บ้านสุขสำราญ ซอย 7 อยู่ภายในซอยเพชรเกษม 63 เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเช่า 2 ชั้น พบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย ถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะทั้งคู่ คือ นายพงศธร ศรีตะปัญญะ อายุ 22 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บนที่นอน ในห้องชั้น 1 และนายธานินทร์ ศรีตะปัญญะ อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณครัวหลังบ้าน

โดยจากการสอบถาม ทราบว่า ผู้ก่อเหตุ ชื่อ นายเป้ เป็นลูกเขยของครอบครัวนี้ที่พักอาศัยอยู่ที่อื่น ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ก็คือพ่อและน้องชายของภรรยานายเป้ และหลังก่อเหตุ นายเป้ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีเทา ทะเบียน 3ขก 7596 กรุงเทพมหานคร หลบหนีไป ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดภายในซอยที่เกิดเหตุ จับภาพผู้ก่อเหตุ ขณะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกจากซอยหลังก่อเหตุ ในเวลา 07.24.31 น. โดยผู้ก่อเหตุไม่ได้สวมใส่อะไรปิดบังใบหน้าแต่อย่างใด

โดยขณะที่เกิดเหตุ ภายในบ้าน มีผู้อาศัยอยู่ทั้งหมด 5 คน ได้แก่ พ่อ แม่ ลูกชายคนกลาง ลูกขายคนเล็ก และลูกสะใภ้ ซึ่งหลังเกิดเหตุ 3 คนที่รอดชีวิต คือ แม่ / ลูกชายคนกลาง / ลูกสะใภ้ ยังอยู่ในอาการตกใจและร้องไห้เสียใจอยู่ตลอดเวลา นางสาวปภัสสร เศวตดนัย อายุ 40 ปี แม่ยายของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ครอบครัวตนมีปัญหาระหองระแหงกับนายเป้มานานมากแล้ว เนื่องจากเมื่อประมาณ 8 ปีก่อน นายเป้ มาคบหากับลูกสาวคนโต และตอนนั้นลูกสาวเพิ่งอายุ 18 ปี ตนจึงยังไม่อยากให้ลูกมีแฟนเพราะยังอยู่ในวัยเรียน ก็พยายามห้ามไม่ให้คบกัน แต่นายเป้ชอบพาลูกสาวตนหนี จนเคยไปแจ้งความและมีปากเสียงโต้เถียงด่ากันที่โรงพักมาแล้ว จนตนส่งลูกสาวไปเรียนที่ต่างจังหวัดประมาณ 4 ปี พอลูกสาวกลับมา ทั้งคู่ก็ไปคบหากันอีก

จนประมาณ 5 ปีที่แล้ว ทั้งคู่ได้ย้ายไปอยู่ด้วยกันที่บ้านในซอยเพชรเกษม 110 และมีลูกชายด้วยกัน ซึ่งพอมีหลาน ครอบครัวจึงไม่ได้กีดกันอะไรแล้ว เพราะก็รักหลาน ตนยอมรับนายเป้ และยังมากินข้าวด้วยกันอยู่ แต่หลังจากนั้นไม่นาน นายเป้ก็เริ่มกีดกันไม่ให้ลูกสาวติดต่อครอบครัวอีก โดยตนไม่ได้เจอลูกสาวและหลานมากว่า 4 ปีแล้ว ได้แต่แอบโทรคุยกัน ซึ่งตนเชื่อว่า นายเป้ไม่ชอบตนตั้งแต่ที่มีเรื่องกันในอดีต และมีความแค้น ต้องการจะเอาชนะ

โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายเป้เคยโทรมาขู่ตน บอกว่า จะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง และลูกสาวก็โทรมาเตือนว่าให้ระวัง เพราะนายเป้ไปซื้อปืนมาแล้ว บอกว่าจะตามมายิงให้ตายทั้งบ้าน เพื่อกู้ศักดิ์ศรีที่ตัวเองเคยโดนกีดกันไม่ยอมรับ โดยตอนที่เกิดเหตุเมื่อเช้านี้ ตนอยู่บนห้องบนชั้น 2 กำลังคุยกับลูกสาว ที่ส่งข้อความมาบอกว่าให้ระวัง เพราะนายเป้ออกจากบ้านไป เอาปืนไปด้วย ไม่รู้ว่าจะมาก่อเหตุตามที่เคยขู่ไว้หรือไม่

ซึ่งในขณะที่ตนยังคุยกับลูกสาวอยู่ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดที่ชั้น 1 จึงเปิดประตูไปตะโกนถามพ่อว่าเสียงอะไร ทันใดนั้น นายเป้ก็วิ่งสวนขึ้นมา และจะยิงตน ตนเลยวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำ นายเป้จึงยิงทะลุประตูห้องน้ำเข้ามา 3 นัด ก่อนจะหลบหนีออกไป ซึ่งอาจจะคิดว่าตนเสียชีวิตแล้วก็ได้ โดยลูกชายคนเล็กน่าจะโดนยิงก่อนเป็นคนแรก เพราะนอนหลับอยู่ข้างล่าง ส่วนพ่อลงมาเอาเสื้อผ้าที่ครัวหลังบ้าน กำลังจะออกไปทำงาน

ทั้งนี้ ตอนที่นายเป้ โทรมาข่มขู่เมื่อเดือนสิงหาคม ตนได้ไปแจ้งความกับตำรวจที่ สน.เพชรเกษม เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ตำรวจกลับไม่สนใจ ไม่ยอมฟังคลิปเสียง จึงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้ และตำรวจบอกให้บล็อคเฟซบุ๊กไป รอให้เรื่องจบ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอให้เรื่องเกิดก่อน สุดท้ายตำรวจก็ได้แค่มาเก็บศพ ถ้าช่วยดำเนินการตั้งแต่วันนั้น เหตุคงไม่เกิด เพราะนายเป้คงไม่กล้าทำ

ด้าน นางสาววรรณภา ทองด้วง อายุ 22 ปี น้องสะใภ้ของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนเชื่อว่า นายเป้ คงไม่พอใจที่รู้ว่าพี่สาวแอบคุยกับแม่ เพราะแม่ก็มีการพูดบ่นตามประสา ว่าทำไมไม่กลับมาหาพ่อแม่บ้าง และเชื่อว่า นายเป้ตั้งใจจะมาก่อเหตุยิงทั้งบ้าน ซึ่งตอนเกิดเหตุ ตนกับสามีนอนอยู่ในห้อง พอได้ยินเสียงจึงรีบล็อกห้อง เพราะถ้าออกมาก็คงโดนยิงไปด้วย ทั้งนี้ ตนก็ไม่ทราบว่านายเป้มีปืนตั้งแต่เมื่อไหร่แต่น่าจะนานแล้ว เพราะพี่สาวเคยเล่าให้แม่ฟังว่า เวลาที่มีปากเสียงกัน นายเป้เคยเอาปืนจ่อหัวพี่สาวต่อหน้าลูกชายวัย 4 ขวบด้วย และพี่สาวบอกว่า นายเป้มีพฤติกรรมเสพยา และบางครั้งก็มีอาการไบโพลาร์ ส่วนครอบครัวตน เพิ่งย้ายมาเช่าบ้านหลังนี้อยู่ได้เมื่อประมาณต้นปี ซึ่งพี่สาวบอกว่าไปเผลอพูดให้นายเป้ฟัง จึงคิดว่านายเป้น่าจะตามสืบดูพวกตน จนมาก่อเหตุในวันนี้

ซึ่งหลังเกิดเหตุ พี่สาวยังส่งข้อความมาบอกแม่ว่า นายเป้กลับไปที่บ้าน บอกว่าจะกลับมายิงคนที่เหลือให้หมด แล้วออกจากบ้านไป ซึ่งตนอยากให้ตำรวจจับให้ได้ ไม่งั้นคงไม่กล้าอยู่ที่นี่ และถ้าจับได้ ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อยากให้วิสามัญด้วยซ้ำ เพราะนายเป้ก่อเหตุน่ากลัวเกินไป มายิงพ่อกับน้องทั้งที่ไม่เคยไปยุ่งอะไรด้วยนานแล้ว สำหรับร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง ได้นำส่งไปชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งตอนที่ครอบครัวเข้าไปดูร่าง ก็ร้องไห้โฮออกมา เนื่องจากยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/pH9k7T9TSXM