อาชญากรรม
ไล่เหตุการณ์ 'เมียเสี่ยต้น' จ้างวานฆ่าผัว ชนวนเหตุมีกิ๊ก-ทำร้าย-เงินประกัน ทนายจ่อยื่น 1 ล้านประกันตัว
4 มิ.ย. 2567
846 views
กรณีครอบครัวของ นายพิชิต หรือ ต้น อายุ 44 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เข้าร้องเรียน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หลังสงสัยว่าเสี่ยต้นเสียชีวิตเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมานั้น อาจถูกฆาตกรรม นอกจากนี้ยังพบว่าเสี่ยต้นถูกคนร้ายประกบยิง พื้นที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนไปเสียชีวิตปริศนาที่บ้านพักใน จ.มหาสารคาม ซึ่งพบว่าสภาพศพใบหน้าดำคล้ำคล้ายกับถูกวางยาพิษอีกด้วย
ทีมข่าวพาย้อนไทม์ไลน์คดีนี้ เริ่มจากการเสียชีวิตของนายพิชิต เจ้าของธุรกิจสอนสปาและนวดแผนไทย ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังกลับไปหาภรรยาคือ น.ส.วรรณิภา หรือ มด ที่บ้านในจังหวัดมหาสารคาม แต่น้องสาวของเสี่ยต้น น.ส.ณัฐปภัษร์ อายุ 41 ปี สงสัยว่าเป็นการตายอย่างมีเงื่อนงำ เพราะสภาพศพดำคล้ำผิดปกติ เหมือนถูกวางยาพิษ โดยสภาพศพดูผิดปกติและแพทย์ลงความเห็นสาเหตุการตายไม่ชัดเจน และได้เดินหน้าร้องขอให้ตำรวจรื้อฟื้นคดีการตายของพี่ชาย
ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 พี่ชายยังเคยถูกลอบยิงในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.วังทองหลาง และคดีนี้ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ จึงเชื่อว่าทั้ง 2 เหตุการณ์น่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน ก่อนที่ครอบครัวจะมาร้องเรียนกับทนายเดชา เนื่องจากว่าติดใจการตาย
ขณะที่ น.ส.วรรณิภา หนึ่งในผู้ต้องสงสัย ยืนยันมาตลอดเกี่ยวข้องกับการตายของสามี ยืนยันไม่ได้เป็นการชี้เป้าให้กับมือปืน พร้อมพยายามอธิบายว่าตนเองได้แยกกันอยู่กับสามีได้ประมาณ 2 เดือน เนื่องจากระยะหลังสามีเป็นคนอารมณ์รุนแรงโมโหร้ายและดื่มเหล้าหนัก จนกระทั่งสามีเสียชีวิต ซึ่งตนก็ยังไม่ทราบสาเหตุและยังคาใจถึงสาเหตุการตายของสามีเช่นกัน
โดยคุณมด ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สามีเป็นคนชอบใช้ยาสเตียรอยด์และกินอาหารเสริมเพื่อเล่นกล้าม ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับสาเหตุการเสียชีวิตของสามีหรือไม่ จึงอยากให้มีการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริง ส่วนที่ตัดสินใจเผาร่างสามี เนื่องจากถามกับทางตำรวจและเจ้าหน้าที่แล้วว่าสามารถประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้เลย และตนเองก็ไม่ทราบขั้นตอนและวิธีการการจะส่งศพไปชันสูตรซ้ำ
เรื่องนี้มีการเปิดหน้าตอบโต้กันไปมาระหว่างครอบครัวของเสี่ยต้น ที่พยายามเรียกความเป็นธรรม กับ น.ส.วรรณิภา ซึ่งฝั่งครอบครัวก็ยังคงคาใจและหาคนร้ายต่อไป เพราะอยากขอให้ทำข้อเท็จจริงให้ปรากฏว่าเสี่ยต้นตายอย่างไร ใครเป็นคนทำ ส่วนคุณมด ภรรยาเสี่ยต้น ยังยืนยันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตายของสามี วอนฝั่งครอบครัวสามีหยุดให้ข่าวทางลบ ขณะที่ตำรวจยังคงเดินหน้าเรื่องคดีต่อไป
จนกระทั่งได้ภาพวงจรปิดเบาะแสสำคัญ คือ วงจรปิดเมื่อวันที่ 8 เม.ย.67 ซึ่งวันนั้นเสี่ยต้นมีนัดกินข้าวกับมด ภรรยา และลูก ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแถวถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ก่อนจะแยกย้ายกันราว 4 ทุ่ม เธอพาลูกกลับไปที่คอนโดย่านรามคำแหง ส่วนเสี่ยต้นไปดื่มต่อที่โรงเหล้าแสงจันทร์ เลียบทางด่วนรามอินทรา
ต่อมาตำรวจไล่วงจรปิด เห็นว่าเวลา 22.04 น. พบคนร้าย 2 คน คือนายวีรภัทร คนขี่รถมอเตอร์ไซค์ และนายณัฐพล มือปืน ออกมาจากซอยรามอินทรา 62 ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ที่พัก ก่อนเลี้ยวซ้ายไปถนนรามอินทรา มุ่งหน้าเลียบทางด่วนรามอินทรา และนายณัฐพล มีการถือโทรศัพท์ติดต่อกับผู้จ้างวานตลอด
ต่อมาเวลา 22.53 น. 8 เม.ย. คนร้ายมีมอเตอร์ไซค์มาซุ่มดูเสี่ยต้น อยู่แถวถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งเป็นเส้นทางที่เสี่ยต้นต้องใช้เดินทางกลับ ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปเติมน้ำมัน
จากนั้นเวลา 23.23 น. คนร้ายไปเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งคนขี่มอเตอร์ไซค์ใส่เสื้อไรเดอร์สีส้ม สวมหมวกกันน็อคเต็มใบ ส่วนคนซ้อนคือมือปืน สวมเสื้อคลุมเเขนยาวสีดำ แต่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้าตั้งแต่ต้นทาง นอกจากนี้ยังพบว่ามือปืนมีการถือโทรศัพท์ในลักษณะติดต่อกับใครอยู่ตลอดเวลา
จากน้นกล้องวงจรปิดที่สถานบันเทิงเลียบด่วนรามอินทรา บันทึกภาพตอน 22.32 น. ซึ่งจริง ๆ เป็นเวลา 23.32 น. เนื่องจากกล้องช้ากว่าเวลาจริง 1 ชั่วโมง จับภาพขณะเสี่ยต้นในชุดเสื้อโปโลแขนสั้น กางเกงขาสั้น เดินออกจากสถานบันเทิง ไปขึ้นรถตู้อัลพาร์ทสีดำ ก่อนจะขับออกไปถนนประดิษฐ์มนูญธรรม ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวไม่มีท่าทีระแวงว่าจะโดนลอบทำร้าย
และพอขับออกไปได้ไม่ถึง 1 นาที จากนั้น 23.33 น. คนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์ตามไปประกบยิงรถตู้อัลพาร์ทสีดำของเสี่ยต้น ซึ่งขณะนั้นกำลังเข้าช่องทางด่วน ถึง 4 นัด กระสุนเข้าที่กระจังหน้ารถ 1 นัด ประตูฝั่งซ้าย 2 นัด และกระจกซ้าย 1 นัด ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนีไป
หลังก่อเหตุ กล้องวงจรปิดจับภาพได้อีกทีตอน 23.50 น. คนร้าย 2 คน ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ย้อนศร มาบนถนนรามอินทรา ก่อนเลี้ยวขวากลับเข้าไปในซอยรามอินทรา 62 ซึ่งหลังก่อเหตุสังเกตเห็นว่า คนร้ายที่เป็นคนขับได้ถอดเสื้อคลุมสีส้มที่เป็นเสื้อไรเดอร์ออก แต่ยังใส่หมวกกันน็อคเต็มใบเช่นเดิม ส่วนมือปืนก็ได้ถอดเสื้อคลุมสีดำออก เพื่อเป็นการอำพรางตัวขณะหลบหนี
โดยทั้งหมดนี้ คือเบาะแสสำคัญที่ตำรวจมี จนนำมาสู่การออกหมายจับ น.ส.วรรณิภา ภรรยาเสี่ยต้น ในฐานะผู้จ้งวาน และแก๊งลอบสังหารอีก 3 ราย
ต่อมาวันที่ 3 มิ.ย.67 ตำรวจได้บุกจับ น.ส.วรรณิภา หรือ มด อายุ 37 ปี ภรรยาเสี่ยต้น ในข้อหาเป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นทำความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
เวลา 14.30 น. ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้แถลงข่าวความคืบหน้าคดี ภายหลังจากได้สอบปากคำ น.ส.วรรณิภา ในฐานะเป็นผู้ใช้จ้างวานและชี้เป้า รวมทั้ง นายสาโรจน์ ผู้ตระเตรียมการ จัดหาอาวุธและพาหนะ และ นายวีรภัทร คนขี่รถจักรยานยนต์ไปก่อเหตุ ขณะที่ นายณัฐพล อายุ 25 ปี มือปืน ยังหลบหนี
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในส่วนของนายวีรภัทร และนายสาโรจน์ ยอมรับว่าได้รับการว่าจ้างให้ไปซื้อปืนในราคา 12,000 บาท โดยนายสาโรจน์ก็จัดหาให้ ส่วนนายวีรภัทรยอมรับว่าตัวเองได้รู้จักกับมือปืนที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ภายในซอยรามอินทรา 62 และได้เจอกับนายณัฐพล หลังจากนั้นได้พูดคุยกัน ซึ่งนายณัฐพลอ้างว่าให้ไปช่วยติดตามเมียเพราะว่าทะเลาะกัน ขอให้ช่วยขับรถให้ ถ้าเกิดเจอเมีย และพบว่าไปมีคนอื่น ขอให้ช่วยกันลงมือยิงได้เลย ซึ่งนายวีรภัทรก็ตกลงและได้รับค่าจ้าง 4,000 บาท เนื่องจากตอนนั้นไม่มีเงิน
หลังจากนั้น ช่วงกลางคืน วันที่ 8 เม.ย. นายณัฐพลอ้างว่าให้ช่วยไปตามเมีย ก่อนจะนัดเจอกันที่โรงเหล้าแสงจันทร์ โดยนายณัฐพลเป็นคนพกอาวุธปืนมาด้วย ซึ่งช่วงแรกนายณัฐพลเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ แล้วนายวีรภัทรซ้อนท้าย จากนั้นได้ส่งปืนมาให้นายวีรภัทรลงมือยิง แต่ตอนนั้นนายวีรภัทรตกใจ ไม่คิดว่าจะทำขนาดนี้ ประกอบกับกล้องวงจรปิดจับภาพได้ตอนที่หยุดรถ และนายวีรภัทรลงจากรถ แล้วอยากจะเอาปืนไปซุกไว้ที่กอหญ้า แต่ปรากฏว่านายณัฐพลไม่ยอม บอกว่า เดี๋ยวกูทำเอง และให้นายวีรภัทรเป็นคนขับรถ
ซึ่งคำให้การของนายวีรภัทร อ้างว่าตัวเองตั้งใจขับรถมาทางด้านซ้ายของรถเสี่ยต้น เพราะคิดว่าหากยิงจากวิถีนี้ น่าจะแค่เฉียดเป้าหมาย แต่หากขับเอียงไปทางด้านขวา จะสามารถยิงเป้าหมายเข้าถูกจุดแน่นอน จึงพยายามขับรถชะลอไม่ให้ขับตามรถเสี่ยต้นทัน เพราะรู้สึกว่างานนี้ไม่ธรรมดาแล้ว
ขณะที่จากการสอบปากคำผู้จ้างวาน หรือ มด ยังคงให้การภาคเสธ แต่ยอมรับว่ามีปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัว ส่วนเรื่องอื่น ๆ ขอไม่ให้การ และขอไปต่อสู้ในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิทธิของผู้ต้องหา โดยยืนยันว่าหลักฐานทั้งหมดสามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้จ้างวานฆ่า ทั้งพยาน บุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุและพยานเอกสาร ที่เป็นหลักฐานการโอนเงินและหลักฐานการติดต่อสื่อสาร โดยในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเราพบว่าผู้จ้างวานฆ่าได้ติดต่อหามือปืนจากในโลกอินเตอร์เน็ต และเป็นคนติดต่อเอง พร้อมกับใช้เวลาในการนัดหมายลงมือประมาณ 1 อาทิตย์ ซึ่งเรารวบรวมครบถ้วน ก่อนยื่นต่อศาลอาญาฯ อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีได้
พล.ต.ต.นพศิลป์ ยังกล่าวอีกว่า ภรรยาเสี่ยต้นมีการจ้างให้กลุ่มมือปืน ยิงเสี่ยต้นหวังให้ตาย เพื่อประโยชน์เรื่องทรัพย์สินและเงินประกันชีวิต เชื่อว่าจุดประสงค์ในการก่อเหตุคือต้องการหวังเอาชีวิต แต่มือปืนดันทำไม่สำเร็จ ซึ่งทางมือปืนให้ข้อมูลว่า ภรรยาเสี่ยต้นมีการโอนเงิน และให้เป็นเงินสดประมาณ 300,000 กว่าบาท นอกจากนี้ ยังพบว่าภรรยาของเสี่ยต้นไม่ได้รู้จักกับกลุ่มจ้างวานเป็นการส่วนตัว แต่มารู้จักเพราะต้องการให้ทำภารกิจนี้
ส่วนความรู้สึกของผู้ต้องหาทั้งหมดระหว่างสอบปากคำ พบว่ามีอาการเศร้าและเครียดพอสมควร สำหรับความเชื่อมโยงไปยังคดีที่ สภ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เชื่อว่าคดีที่ สน.วังทองหลาง จะเป็นสารตั้งต้น ซึ่งพยานหลักฐานจะเชื่อมโยงไปถึงหรือไม่ให้ ทางตำรวจภูธรภาค 4 เป็นคนดำเนินการและขยายผลต่อ ทั้งนี้ หลังจากนี้หากสอบปากคำแล้ว พบว่ามีใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด
ส่วนปืนของนายสาโรจน์ ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนว่าไปซื้อมาจากที่ใด สำหรับประเด็นทางโทรศัพท์ที่ภรรยา หาข้อมูลซื้อไซยาไนด์ทางโลกออนไลน์นั้น ประเด็นนี้อยู่ในสำนวนแล้ว
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Y_FW0zAnTn8
แท็กที่เกี่ยวข้อง เมียเสี่ยต้น ,จ้างวานฆ่าเสี่ยต้น ,เมียจ้างวานฆ่าผัว