อาชญากรรม

"ผมไป เขาเลยไปด้วย" เปิดเสียงสัมภาษณ์สุดท้าย 'ผกก.เบิ้ม' เครียดพาน้องไปตาย ก่อนปลิดชีพตัวเองตาม

12 ก.ย. 2566

1.9K views

ช็อกซ้ำวงการตำรวจ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.2 บก.ทล. ก่อเหตุสลด ใช้อาวุธปืนยิงตัวเองภายในบ้านพักย่านคูคต คาดเกิดจากความเครียด หลังถูกพาดพิงว่าเป็นผู้โทรศัพท์ตาม สารวัตรแบงค์ ให้มาที่บ้านกำนันนก จนถูกยิงเสียชีวิต ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นเผย ข้อความสุดท้ายผู้กำกับเบิ้ม ส่งในไลน์กลุ่ม บอจะฆ่าตัวตาย ก่อนเงียบหาย

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (11 ก.ย.) ตำรวจ สภ.คูคต รับแจ้งเหตุ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผกก.กก 2 บก.ทล. ยิงตัวตาย ภายในบ้านพัก พื้นที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่ง พ.ต.อ.วชิรา เป็นผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว หรือสารวัตรแบงค์ สว.ส.ทล 1 กก. 2 และมีรายงานว่า เป็นผู้ที่ชวนให้สารวัตรแบงค์ไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านกำนันนกเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 66 ก่อนจะถูกยิงเสียชีวิต

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสูง 2 ชั้นมีรั้วรอบขอบชิดเนื้อที่ 50 ตร.ว. ภายในห้องโถงชั้นล่างพบร่าง พ.ต.อ.วชิรา เสียชีวิต เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเจ้าตัวเกิดความเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงใช้อาวุธปืนปลิดชีพตนเอง

ทีมข่าวสอบถามจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นได้รับแจ้งเหตุมีผู้ยิงตัวตายภายในบ้านพัก เมื่อเวลาประมาณ 14.20 น. เมื่อเดินทางมาถึงก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก มาถึงที่เกิดเหตุอยู่ก่อนแล้ว โดยทราบมาว่า มีบุคคลมาพบผู้เสียชีวิตแล้วแจ้งตำรวจไป โดยตอนนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากบุคคลใกล้ชิดของ พ.ต.อ.วชิรา ว่า หลังจากเกิดเหตุสารวัตรแบงค์ ถูกยิงเสียชีวิตนั้น พ.ต.อ.วชิรา มีความเครียดมาก โดยไม่สามารถนอนหลับได้เลยตั้งแต่เกิดเหตุ เพราะโทษตัวเองว่าเป็นคนที่พาลูกน้องไปเสียชีวิต และเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 66 ประมาณ 15.00 น. พ.ต.อ.วชิรา ก็ได้มีการพูดคุยระบายกับแหล่งข่าวว่า มีความเครียดจากเรื่องที่เกิดขึ้น และยังรู้สึกกดดันจากการถูกสอบสวนอย่างหนัก

แหล่งข่าวรายงานด้วยว่าวันเดียวกันมีการพระราชทานเพลิงศพ พ.ต.ต.ศิวกร หรือสารวัตรแบงค์ ที่วัดพระศรีมหาธาตุบางเขน เมื่อถึงเวลาพบว่าผู้ตายซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของสารวัตรแบงค์ ไม่ได้ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ เพื่อนร่วมรุ่นจึงโทรศัพท์หาแต่ไม่มีผู้รับสาย ประกอบกับผู้ตายได้มีการพิมพ์เข้าไปในกลุ่มไลน์ของเพื่อน นรต.รุ่น 55 ช่วงเช้าบอกว่า “จะฆ่าตัวตาย” ซึ่งเพื่อนๆ ต่างเขียนให้กำลังใจ และได้ดีดตัวเองออกมาจากกลุ่มไลน์ เมื่อเวลาประมาณ 9.33 น. เพื่อนจึงคิดว่าเกิดเหตุร้ายอย่างแน่นอน จึงเดินทางมาตรวจสอบและพบว่าเจ้าตัวยิงตนเองเสียชีวิต

ซึ่งก่อนเกิดเหตุทางผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.อ.วชิรา ก็มีความเป็นห่วงและกังวลอยู่ว่าจะเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เนื่องจากพ.ต.อ.วชิรา เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเข้ารักษาอาการที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ จนอาการดีขึ้น จนกระทั่งมาเกิดเหตุสารวัตรแบงค์ ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาถูกยิงเสียชีวิต ทำให้ พ.ต.อ.วชิรา ถูกกระแสสังคมกดดันอย่างหนัก จนกลับมามีอาการเครียดอีกครั้ง เก็บตัวเงียบมาตลอด ทางผู้บังคับบัญชา และกลุ่มตำรวจเพื่อนสนิทพยายามพูดคุยให้กำลังใจมาตลอด เพื่อลดความเครียด จนมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หลังเข้าตรวจสอบที่เกิกเหตุ ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้ทางแพทย์นิติวิทยาศาสตร์พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างตรวจสอบร่องรอยพยานหลักฐานมนที่เกิดเหตุ ตอนนี้ยังตอบอะไรไม่ได้ต้องรอผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคงต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่ง โดยตนเองก็ยังไม่ได้เข้าไปภายในบ้าน และได้สั่งไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านในเด็ดขาด จึงยังไม่เห็นสภาพของผู้เสียชีวิต รวมถึงอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ตอนนี้จึงยังตอบอะไรไม่ได้ โดยเข้าได้แต่หมอและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเท่านั้น เหตุการณ์นี้จะไม่มีผลทางคดีเพราะเป็นคนละส่วนกัน

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณ 14.00 น. โดยเจ้าตัวพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียว โดยภรรยาอยู่อีกที่หนึ่งคือ จ.อุตรดิตถ์ คนที่มาเจอคือเพื่อนที่เป็น ผกก.รุ่นเดียวกัน โดยในไลน์กลุ่ม นรต. ที่เจ้าตัวบ่นจะฆ่าตัวตายนั้นตนเองไม่ทราบ

ทั้งนี้ ตนได้สอบถามชุดสอบสวนที่ทำการสอบปากคำ ผกก.เบิ้ม บอกว่าตอนที่สอบสวนนั้น ผกก.เบิ้ม มีอาการเครียด และเหม่อลอย แต่ยืนยันว่าการเสียชีวิตจะไม่กระทบต่อรูปคดี เพราะได้สอบปากคำ ผกก.เบิ้ม  ครบถ้วนทุกประเด็นแล้ว

ส่วนนายตำรวจนายอื่นที่มีความเครียดผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดต้องลงไปดูลูกน้องตนเอง ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตขอเวลาตรวจสอบสักครู่

ด้านเพื่อนของ ผกก.เบิ้ม ซึ่งเป็น นรต.รุ่นเดียวกับได้ให้ข้อมูลว่า ผกก.เบิ้มไม่พูดอะไรและเป็นคนดี สาเหตุก็น่าจะเกิดจากความเสียใจที่พา พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.กก.2 บก.ทล. ไปเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ทางด้านพ่อตากับแม่ยายของของผกก.เบิ้ม ได้มาในที่เกิดเหตุ

----------------------------

เปิดผลชันสูตรศพ ผกก.เบิ้ม – เปิดวงจรปิด ลงจากแท็กซี่ปีนเข้าบ้าน

จากการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ สันนิษฐานว่า เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 8-10 ชั่วโมง คือช่วงประมาณตี 5 โดยในที่เกิดเหตุ คือบริเวณชั้น 1 ที่ห้องรับแขก สภาพศพผู้เสียชีวิต นอนอยู่หน้าทีวี มีรอยกระสุนเข้าที่ขมับขวาทะลุออกหลังหูซ้าย และพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่ด้านขวาศีรษะ และพบปลอกกระสุนกระเด็นตกอยู่ 1 ปอก ซึ่งจากการสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ก่อนเสียชีวิต น่าจะอยู่ในท่านั่ง

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และยังไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยประตูหน้าต่างในบ้านก็ยังถูกปิดล็อคไว้

ส่วนกล้องวงจรปิดของหมู่บ้านพบว่า หลังจากที่ พ.ต.อ.วชิรา นั่งแท็กซี่สีชมพูมาถึงบ้านตอนประมาณ 04.51 น. โดยมาคนเดียว ไม่มีใครตามมาด้วย จากนั้นได้ปีนเข้าไปในบ้านของตัวเอง

จนมาถึงช่วงบ่ายโมงที่คนขับรถมาตามก็ไม่มีใครเข้าออกหรือผ่านมาอีกเลย ปืนที่พบมีกระสุนทั้งหมด 2 นัด ยิงไป 1 นัด กระสุนอยู่ในรังเพลิงอีก 1 นัด เป็นปืนขนาด 9 มม. เสียชีวิตมาแล้ว 12 ชั่วโมง คาดว่าประมาณตี 5 สภาพนอนเสียชีวิตห้องโถงห้องรับแขกหน้าทีวี พบอาวุธปืนตกอยู่ด้านขวา และรอยกระสุนเข้าขมับขวาออกด้านซ้าย

ส่วนผู้ที่มาพบศพคือเพื่อนร่วมรุ่น นรต. เนื่องจาก เมื่อคืนก่อนเกิดเหตุ (10 ก.ย.) ได้มีการนัดรวมตัวทานข้าวกันแถวเมืองทองธานี และผู้เสียชีวิตได้เปิดโรงแรมนอนแยกย้ายกับเพื่อนตอนประมาณ 4 ทุ่ม โดยนัดหมายว่าให้เพื่อนมารับตอน 9 โมงเช้า เพื่อไปทำงาน แต่พอถึงตอนเช้า เพื่อนไม่สามารถติดต่อได้ จึงให้แม่บ้านของโรงแรมขึ้นไปเปิดห้องดู ก็ไม่พบ จึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าได้เรียกแท็กซี่ออกไปตอนตี 4 ทั้งนี้ เพื่อนร่วมรุ่นบอกว่าเมื่อคืนที่ทานข้าวด้วยกัน ผู้เสียชีวิตมีการระบายว่า รู้สึกเครียดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

---------------------------------------

เปิดเสียงสัมภาษณ์สุดท้าย ผกก.เบิ้ม ปัดโทรตามสารวัตรศิวกร ร่วมงานบ้านกำนันนก

เมื่อวันที่ 8 ก.ย.66เวลา 18.30 น. ทีมข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ได้คุยกับ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์  ผกก.2 บก.ทล. ตามตำแหน่งเป็นหัวหน้าของ พ.ต.ต.ศิวกร หรือ สารวัตรแบงค์ (ผู้เสียชีวิต)

เมื่อถามย้ำว่ามีรายงานว่า พ.ต.อ.วชิรา เป็นคนโทรตามสารวัตรแบงค์ (ผู้เสียชีวิต) เอง พ.ต.อ.วชิรา ย้ำว่า ไม่ได้โทร ผมไป เขาเลยไปด้วย

เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่าตัว สารวัตรแบงค์ ไปงานเลี้ยงพร้อมกันกับ พ.ต.อ.วชิรา ตั้งแต่แรกเลยใช่หรือไม่ พ.ต.อ.วชิรา ระบุว่า มาเจอกันที่งาน

เมื่อถามย้ำว่า สารวัตรแบงค์ ถูกเชิญไปร่วมงานตั้งแต่แรกเลยใช่หรือไม่ พ.ต.อ.วชิรา กล่าวว่า เขาเห็นผมไป ก็เลยมาด้วย

เมื่อถามอีกว่า ย้ำว่าเป็นการเรียกไปเพื่อคุยการเจรจาโยกย้ายข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พ.ต.อ.วชิรา บอกว่า ไม่ขนาดนั้นหรอก ก็คุยกันปกติธรรมดา

ส่วนกระแสข่าวเจรจาเรื่องส่วยรถบรรทุก แต่ไม่ลงตัว พ.ต.อ.วชิรา กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีเรื่องส่วยอะไรทั้งนั้น ไม่มีเรื่องส่วยเลย

เมื่อถามอีกว่าสรุปแล้วปมเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร พ.ต.อ.วชิรา บอกว่า “เห็นเขาพูดเสียงดังใส่กัน แล้วคนยิงก็มายิงเลย แค่นั้นแหละครับ

เมื่อทีมข่าวเริ่มถามถึงปมเหตุที่แท้จริง พ.ต.อ.วชิรา ได้ขออนุญาตวางสายไปในทันที

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาพวงจรปิดของโรงพยาบาลนครปฐม เมื่อคืนวันที่ 6 กันยายน หลังเกิดเหตุนายธนัญชัย ใช้อาวุธปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร และพ.ต.ท.วศิน โดย พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ พร้อมตำรวจอีก 2 นายเป็นผู้นำ พ.ต.ท.วศิน มาส่งโรงพยาบาล หลังเหตุการณ์วันนั้น พ.ต.อ.วชิรา ถูกย้ายไปปฎิบัติราชการ ที่ศูนย์ปฎิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากตำแหน่งเดิม

พร้อมกันนี้  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยังกล่าวถึงสถานะของพ.ต.อ.วชิรา ในคดีที่เกิดขึ้น ได้รับการเปิดเผยว่า ภาพวงจรปิดที่โรงพยาบาล เป็นหลักฐานว่า พ.ต.อ.วชิรา ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ต้องหาหลังเหตุการณ์ แต่เป็นผู้ที่นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล

---------------------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/DzYoSqmZ1BE

คุณอาจสนใจ

Related News