อาชญากรรม

เรียกสอบ เมียน้อยสามีแอม - ลูกน้องสามีแอมดับปริศนา สภาพศพชัด - สอบ ตร.หญิง ผู้รอดชีวิต

โดย passamon_a

4 พ.ค. 2566

589 views

ความคืบหน้าคดี แอม ไซยาไนด์ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.66 จากกรณีที่ นางมณฑาทิพย์ หรือ ทราย อายุ 37 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.ค.58 ภายในคอนโดย่านทองหล่อ กรุงเทพฯ ครอบครัวอยากให้มีการรื้อฟื้นคดีตรวจสอบ เพราะคาดว่าอาจตกเป็นเหยื่อของ แอม ไซยาไนด์ เนื่องจากเสียชีวิตหลังกลับจากพบแอม และหลังเสียชีวิตแอมได้เข้ามายื่นขอเป็นผู้จัดการมรดก


โดยความคืบหน้าของคดีนี้ ตำรวจได้ทำการสอบปากคำ นางลัดดา แม่ของทราย เพื่อหาความเชื่อมโยงในการดำเนินคดีกับแอม โดยส่วนใหญ่จะถามว่าตนและลูกสาวรู้จักกับแอมได้อย่างไร ตนก็ได้บอกความจริงไปจนหมดแล้ว ขึ้นอยู่กับตำรวจจะทำการสอบสวนดำเนินคดีไปในทิศทางใด


ในส่วนที่เพื่อนลูกสาวรายหนึ่ง ออกมาให้ข้อมูลว่า ตึกของทรายที่แอมนำไปขายนั้น ทรายได้มอบอำนาจให้แอมเป็นผู้จัดการนั้นไม่ใช่เรื่องจริง ทรายตายไปแล้วจะไปบอกไปมอบอำนาจตอนไหน แต่ถ้าแอมเอาของไปขายเองอันนั้นเรื่องจริง ในส่วนของทรัพย์สินทรายเราไม่ได้นำมาตนได้คืนให้กับสามีทรายไปตั้งแต่คืนแรกที่จัดงานศพ โดยในขณะนั้นสามีทราย ยังถามผ่านล่ามมาว่ามีเงินใช้หรือไม่ พร้อมกับมอบเงินให้ในการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพจำนวนหนึ่งเท่านั้น


ส่วนที่ตำรวจได้สอบปากคำสามีฝรั่งของทรายนั้น ปีเตอร์ปฏิเสธการพูดคุย เพราะต้องใช้ล่าม ใช้บุคคลที่สาม อาจทำให้ลำบากในการสื่อสาร ตนเองก็ไม่อยากที่จะพูดคุยเพราะติดปัญหาดังกล่าวเช่นกัน ถึงตอนนี้ตนเองรู้สึกดีใจที่ได้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกสาวตนแล้ว ถึงแม้ตนจะไม่เห็นว่าใครฆ่า แต่ด้วยพยานต่าง ๆ ก็มั่นใจว่าใครเป็นคนทำให้ลูกสาวตนเสียชีวิต


ส่วนที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ก่อนเข้าไปสอบปากคำ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.สวนผึ้ง อดีตสามีของ นางสาวสรารัตน์ หรือ แอม หลังศาลจังหวัดนครปฐม อนุมัติหมายจับ 2 ข้อหา ร่วมกันรับของโจร, ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารทางราชการและใช้เอกสารราชการปลอม


พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่า หลังจากสอบสวนเสร็จแล้ว ก็จะคุมตัวไปส่งที่ สภ.เมืองนครปฐม และพนักงานสอบสวน จะคุมตัวขออำนาจศาลจังหวัดนครปฐมฝากขังในวันนี้ (4 พ.ค.) พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ส่วนในข้อหาอื่น ๆ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และพฤติการณ์ที่อาจจะเข้าข่ายความผิด ซึ่งหากพบก็จะแจ้งข้อกล่าวหาได้ในภายหลัง


นอกจากนั้นจะเชิญตัว นางสาวน้อยหน่า ซึ่งเป็นภรรยาน้อยของ พันตำรวจโทวิฑูรย์ มาสอบปากคำ เนื่องจากพบว่าเป็นบุคคลใกล้ชิด และเชื่อว่าจะต้องรู้เห็นการกระทำของพันตำรวจโทวิฑูรย์ ซึ่งก็คาดว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งให้พันตำรวจโทวิฑูรย์ ออกจากราชการไว้ก่อน


"ไม่หนักใจที่เขาเป็นตำรวจแล้วจะรู้วิธีการให้การ มองว่า ตำรวจรู้ทันกันหมด ตำรวจมีเส้นแบ่งหากล้ำเส้นแบ่งก็เป็นโจรตำรวจ ถ้าเป็นโจรก็จะต้องจับหากจะคิดใช้วิธีการแบบนี้ก็ไม่รอด วันนี้ให้ความเป็นธรรม ดำเนินคดีด้วยความเที่ยงตรง"


สำหรับคดีที่เกิดขึ้นพบว่ามี 15 คดี ขณะนี้ยังให้พนักงานสอบสวนแต่และพื้นที่ดำเนินการสืบสวน และขอศาลออกหมายจับให้ครบถ้วนก่อน หลังจากนั้นก็จะนำสำนวนและพนักงานสอบสวนของแต่ละสถานีตำรวจมาร่วมกันทำคดี โดยให้รวมที่กองปราบปรามเป็นคดีเดียว เพื่อความสะดวกในการฟ้องร้องคดีต่อศาลอาญา และผู้พิพากษาจะได้เห็นความต่อเนื่องพฤติการณ์ของผู้ต้องหา


นอกจากนี้ ล่าสุดพบหลักฐานสำคัญ ใบมรณบัตรของดาบตำรวจนายหนึ่ง ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นลูกน้องของ พ.ต.ท. รองผู้กำกับ สามีแอม ระบุสาเหตุการตายหัวใจโต ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2564 ภายในแฟลตตำรวจ แต่ที่น่าแปลกคือหลังเสียชีวิตบัญชีธนาคารของตำรวจนายนี้ กลับมีความเคลื่อนไหว ฝาก-ถอนเงินเกือบ 1 แสนบาท


จากการตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางบัญชีอย่างละเอียดพบว่า ดาบตำรวจนายนี้มีเงินคงเหลือในบัญชี 123,680 บาท และเงินถูกถอนในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 2 ครั้ง คือ 92,415 บาท และ 5,500 บาท คงเหลือ 25,765 บาท ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบแหล่งที่มาและปลายทางของเงินดังกล่าว


ยิ่งไปกว่านั้นยังพบความผิดปกติอย่างมาก เนื่องจากวันที่ดาบตำรวจนายนี้เสียชีวิตคือ 21 มิถุนายน 2564 แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน วันที่ 12 สิงหาคม 2564 มีเงินฝากเข้าบัญชี 63,498 บาท และ ถอนออกในวันเดียวกัน 87,555 บาท หลังจากนั้นก็ยังมีความเคลื่อนไหวอีก แต่จำนวนเงินไม่เยอะ 250 บาท เข้าใจว่าน่าจะเป็นค่าบริการ บัตร ATM และเงินฝาก 2 บาทกว่า ๆ น่าจะเป็นดอกเบี้ย


วานนี้ (3 พ.ค.) ทีมข่าวช่อง 3 ได้รับการเปิดเผยจาก นางพิณ ซึ่งเป็นแม่ยายของดาบตำรวจไพรัตน์ บอกว่า ตัวเองเดินทางไปที่เกิดเหตุภายในห้องพักของแฟลตตำรวจ หลังได้รับแจ้งจากลูกสาวว่าลูกเขยเสียชีวิตคาห้องพัก พอไปถึงเห็นสภาพศพลูกเขยนอนปากซีดเล็บมือและเล็บเท้าเขียว จึงรีบทำการปั๊มหัวใจ จนลูกเขยหายใจเฮือกขึ้นมารอบหนึ่ง แล้วก็นิ่งไปอีก จับดูพบไม่มีชีพจร จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลและพบว่าเสียชีวิต ตั้งแต่ก่อนถึง รพ.


จากนั้นไม่นานสภาพศพก็ดูแปลก ๆ หน้าคล้ำดำเขียวมีเลือดออกที่หู และตอนรดน้ำศพ มีเลือดออกตามตัว คล้ายคนโดนวางยาจนธาตุไฟแตก ซึ่งนางพิณ เป็นเจ้าหน้าที่ อสม. สภาพศพลูกเขยที่เห็นต่างจากศพติดโควิดหรือศพที่ตายหลังฉีดวัคซีน และแพทย์ระบุ เสียชีวิตจากหัวใจโต


ซึ่งตัวเองก็แปลกใจเพราะลูกเขยจะตรวจสุขภาพทุกปีและร่างกายแข็งแรงไม่มีโรคประจำตัว แต่ก็ไม่กล้าพูดกับใคร จนกระทั่งมาเห็นข่าวแอมใส่เนท์วางยาเหยื่อหลายราย จึงสงสัยว่าลูกเขยอาจโดนด้วยหรือไม่


นอกจากนี้ลองมานั่งนึกย้อนดูตั้งแต่วันที่ลูกเขยเสียชีวิต แอม ในฐานะเมีย รอง ผกก. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของลูกเขย จะเข้ามาช่วยเหลือจัดการเรื่องศพตั้งแต่ส่งไปชันสูตรที่โรงพยาบาลในจังหวัดนครปฐม และมาช่วยจัดงานศพนำเจลแอลกอฮอล์แมสมาแจกให้แขกในงาน แต่ยืนยันว่า ทางฝั่งแม่ยายไม่ได้รับซองช่วยเหลืองานจาก คุณนายแอม


ขณะที่ น.ส.แพร (นามสมมติ) เมียเพื่อนสนิทของดาบตำรวจไพรัตย์ ซึ่งอยู่ห้องติดกัน เปิดเผยว่า คนในแฟลตข้าราชการตำรวจ สภ.แห่งหนึ่ง ใน จ.กาญจนบุรี จะรู้จักกับแอมในฐานะคุณนายสารวัตร ซึ่งคุณนายแอมจะพูดจาดีเป็นกันเองกับเมียตำรวจทุกคนในโรงพัก ยังเคยส่งยาสมุนไพรมาให้กินช่วงโควิดระบาด มีฟ้าทะลายโจร 1 ชุด และยาป้องกันไวรัส 1 ชุด ซึ่งตัวเองก็กินจนหมด แต่สุดท้ายก็ติดโควิดอยู่ แต่โชคดีที่ไม่ตาย คิดว่า ไม่น่าจะใส่ยาพิษหรือไซยาไนด์ ลงไปด้วย


ส่วนวันที่ดาบตำรวจไพรัตน์ เสียชีวิต ตัวเองอยู่ห้องข้าง ๆ พอทราบข่าวจึงรีบแจ้งทางครอบครัวดาบตำรวจไพรัตน์ และตามไปถึงที่โรงพยาบาลใน จ.นครปฐมด้วย ซึ่งยืนยันว่า เจอคุณนายแอม รออยู่ที่ รพ. แต่ก็ไม่ได้เอะใจ เพราะคุณนายแอม ก็จะดูแลเอาใจใส่ลูกน้องสามีและเมียลูกน้องสามีเป็นแบบนี้ตลอด


สำหรับสภาพศพที่ น.ส.แพร เห็นตั้งแต่อยู่ในห้องมีฉี่แตก และ มีเลือดไหลออกมาที่แขนตอนรดน้ำศพ ซึ่งแขกในงานเห็นกันหลายคน แต่คิดว่า จากเป็นเลือดที่ไหลออกมาจากรอยเข็มตอนฉีดยากระตุ้น หรือ ตอนหมอทำการรักษาหรือเปล่า และก่อนที่ดาบตำรวจไพรัชจะเสียชีวิตภายในเดือนนั้นตำรวจที่โรงพักทยอยกันฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิดเข็มสอง ทำให้คิดว่า ดาบตำรวจไพรัตน์ อาจะเสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีน ส่วนจะเกี่ยวข้องกับ แอม ไซยาไนด์ วางยาหรือไม่อยากให้ตำรวจเป็นคนสืบสวนและตอบข้อสงสัยนี้ด้วยตัวเอง


นอกจากนี้ยังมีข้อมูลจากคนใกล้ชิดที่พบศพคนแรกว่า ก่อนตายดาบตำรวจออกไปทำธุระกับบุคคลปริศนาตั้งแต่ช่วงบ่าย ก่อนจะกลับมาที่แฟลต ช่วงประมาณ 18.00 น. จากนั้นไม่นานก็มีอาการฉี่แตก ตัวเย็น หน้าคล้ำ มีเลือดออกตามร่างกาย คล้ายคนธาตุไฟแตก


อีกกรณี หลังจากที่ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาระบุว่า ตำรวจได้มีการเรียกตัว ตำรวจหญิง ระดับพันตำรวจโทหญิง ที่เคยถูกแอมเข้ามาตีสนิท และหยิบยืมเงินไปสอบปากคำเพิ่มเติม


วานนี้ (3 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อพูดคุยกับ ตำรวจหญิง ระดับพันตำรวจโทหญิง ที่ถูกเรียกตัวเข้ามาสอบปากคำ แต่เจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แต่ยังคงให้ข้อมูลถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตนเองทำงานและรู้จักสนิทสนมกับผู้กองนุ้ย หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นอย่างดี


ซึ่งผู้กองนุ้ย ก็ได้แนะนำให้รู้จักกับแอม ที่เป็นภรรยาของนายตำรวจระดับรองผู้กำกับ ที่ในขณะนั้น ทำหน้าที่เป็นนายเวรหน้าห้องผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด กระทั่งช่วงเดือนธันวาคม 2565 แอมได้เริ่มเข้ามาพูดคุยขอยืมเงินหลายครั้ง โดยอ้างว่า นำเงินไปทำธุรกิจ และนำเงินไปเป็นค่าทนายความสู้คดีที่ถูกโกง รวมแล้วถูกแอมยืมเงินไป 330,000 บาท และแอมได้ใช้คืนมาแล้ว 190,000 บาท ยังคงค้างอยู่อีก 140,000 บาท


ซึ่งตลอดช่วงเวลาที่รู้จักกับแอมนั้น แอมมักจะชวนตนเองและผู้กองนุ้ยเล่นแชร์ และไปดูดวงด้วยกัน แต่ตนเองเป็นคนที่ไม่ชอบเล่นแชร์และไม่เชื่อเรื่องการดูดวง จึงปฏิเสธตลอด ทำให้แอมไม่มีโอกาสที่จะได้อยู่กับตัวเองแบบสองต่อสอง ตนเองจึงยังรอดชีวิตมาได้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/A7PdEE1lQR4

คุณอาจสนใจ