สุดสลด! พ่อเครียดยิงลูกเสียชีวิต 1 เจ็บ 1 ก่อนยิงตัวเองตายตาม คาดปมปัญหาภายในครอบครัว

เมื่อช่วงเที่ยงวานนี้ (13 มี.ค. 66) เกิดเหตุสลดภายในครอบครัว พ่อเครียด ยิงลูกดับ คาร้านข้าวสาร ก่อนยิงตัวตายตาม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บ 1 คน คาดปมสาเหตุภายในครอบครัว พบช่วงเวลาใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุโพสต์ภาพครอบครัวและภรรยากว่า 80 ภาพ พร้อมข้อความ จะจดจำไว้ตลอดกาล ว่าเคยมีเธออยู่ข้างๆ

โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ร้านขายข้าวสาร ริมถนนสวนผัก หน้าตลาดกรุงนนท์ ภายในร้านพบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ

• นายจิรเมธ อายุ 25 ปี ลูกชาย
• นายชัยวัฒน์ อายุ 52 พ่อ นอนเสียชีวิตอยู่ใกล้กันภายในร้าน
• อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด .38 ตกอยู่ข้างนายชัยวัฒน์
• นางสาวจิรนันท์ อายุ 22 ปี ลูกสาวได้รับบาดเจ็บถูกยิงเข้าที่ศีรษะ

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ตลิ่งชัน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยได้นำตัวลูกสาว ส่งโรงพยาบาลศิริราช เพื่อทำการผ่าตัด ขณะเดียวกันได้เก็บกล้องวงจรปิด 3 ตัว จากทั้งหมด 4 ตัวที่อยู่ในร้านไปตรวจสอบ

ผู้ก่อเหตุ คาดว่าคือนายชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นพ่อ ก่อนเกิดเหตุได้มาตามหาภรรยาที่ร้าน เนื่องจากทั้งคู่มีปัญหาครอบครัว และแยกกันอยู่มาประมาณ 1 ปี แต่เมื่อมาถึงที่ร้าน ปรากฏว่า ไม่เจอภรรยา จึงถามหากับลูกชายและลูกสาว ทราบว่าทั้งคู่ให้ภรรยาของผู้ก่อเหตุไปอยู่ที่อื่นมาสักพักแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้ก่อเหตุเจอกับแม่ เนื่องจากมีข้อมูลว่าเคยทำร้ายร่างกายแม่

ก่อนที่พ่อจะคว้าปืนลูกโม่ขนาด .38 ยิงลูกชาย ที่ยืนอยู่หลังร้าน และหันไปยิงลูกสาวที่นั่งอยู่หน้าร้าน และยิงตัวเองตายตาม

โดยภาพกล้องวงจรปิดจากร้านข้างๆ จะเห็นว่า หลังเกิดเหตุ มีคนงาน และชาวบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียง ต่างวิ่งหนีกันคนละทิศคนละทาง

----------

ลูกจ้างชาวเมียนมาในร้าน เล่าว่า

ขณะเกิดเหตุ มีลูกชาย ลูกสาว และพ่ออยู่ในร้าน ตอนนั้นตนได้ยินเสียงทะเลาะกัน แต่ตนฟังไม่ออก ซึ่งตอนนั้นกำลังยืนตักข้าวสารอยู่หน้าร้าน จู่ๆ ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ปัง ปัง ปัง ปัง ตนก็วิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมา ส่วนตัวตนเพิ่งมาทำงาน ไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกัน

ขณะที่นายไพโรจน์ มะลิวัลย์ อายุ 64 ปี คนขายข้าวมันไก่ที่อยู่ด้านข้างร้านที่เกิดเหตุ เล่าว่า

ขณะเกิดเหตุได้ยินเสียงปืนประมาณ 5 นัด แต่ไม่ได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกัน ตนได้ยินเสียงปืนนัดที่ 3 ได้ยินเสียงของลูกสาวร้องขึ้นว่า “โอ้ย” ก่อนจะได้ยินเสียงดังอีก 2 นัดตามมา ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นครอบครัวนี้ทะเลาะกัน เห็นรักใครกันดีและช่วยกันเก็บเงิน ตัวสามีที่ก่อเหตุจะไปขายข้าวสารอยู่ในตลาด ส่วนภรรยาและลูกจะขายอยู่ที่ร้านเกิดเหตุ

นายไพโรจน์ ยังบอกอีกว่า เมื่อเช้าลูกชาย ที่ถูกยิงเสียชีวิต เพิ่งมาสั่งก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดทาน ตอนนั้นมีสีหน้าท่าทางค่อนข้างหงุดหงิด ส่วนตัวสงสารและเสียดายลูกชายผู้ตาย เพราะเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัยที่จังหวัดมหาสารคาม ส่วนลูกสาว กลับมาจากเรียนอยู่ต่างประเทศ เพื่อรักษาตัวด้วยโรคมะเร็งเต้านม และกำลังรักษาตัวอยู่

----------

ญาติของผู้เสียชีวิต นายไกรศร นามวัฒน์ หลานของภรรยา เล่าว่า

ปมสาเหตุ มาจากปัญหาเรื่องภายในครอบครัว โดยเท่าที่ทราบ รู้ว่า ทะเลาะกันหลายครั้ง แต่รายละเอียดไม่ทราบ ตนเพิ่งมาทราบเหตุหลังจากมีญาติโทรศัพท์มาบอก ตอนนั้นภาวนาขอให้อย่าเป็นเรื่องจริง แต่พอมาถึง เห็นผู้เสียชีวิต 2 รายถูกคลุมผ้าขาว รู้สึกจุกอก

โดยตัวลูกชายเสียชีวิตสนิทกับพ่อ และไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน และตัวลูกชายก็เพิ่งเรียนจบ และกำลังจะบวชทดแทนบุญคุณช่วงสงกรานต์นี้ แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก่อน รู้สึกตกใจ และเสียใจ

ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของเพื่อนลูกชายผู้ก่อเหตุ เล่าว่า ที่ผ่านมาเพื่อนมักมาเล่าให้ฟังว่า พ่อมักมีปัญหากับที่บ้าน แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดที่แท้จริง และเมื่อทราบข่าวก็ตกใจว่าเพื่อนถูกพ่อยิง ก็รีบมาที่เกิดเหตุทันที

----------

ขณะที่ในเฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุ (พ่อ) ได้โพสต์ภาพครอบครัววันนี้ ช่วงเวลาใกล้เคียงก่อนที่จะเกิดเหตุ โดยโพสต์ภาพถ่ายประมาณ 80 รูป พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “จะจดจำไว้ตลอดกาล ว่าเคยมีเธออยู่ข้างๆ” พร้อมอีโมจิ ร้องไห้ 3 อัน

และก่อนเกิดเหตุหนึ่งวัน พ่อ (ผู้ก่อเหตุ) ได้โพสต์ข้อความว่า “ ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ำตาใช่มั้ย” พร้อมรูปอิโมจิร้องไห้

ส่วนเมื่อสองวันก่อนได้โพสต์ภาพจดหมาย ที่เขียนด้วยลายมือว่า

“ถึงทุกๆคน ทุกๆ หน่วยงาน ว่า ผมขอมอบอำนาจแบบไม่ติดสแตมป์ ผมมีสติดี หากร่างของข้าพเจ้าได้รับความเสียหายเกิน 60% ข้าพเจ้ายินดีขอมอบร่างกายทุกส่วน มอบหรือบริจาคให้องค์กร หรือหน่วยงานใดก็ตามที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ข้าพเจ้าขออุทิศร่างกายนี้ เพื่อสังคมต่อไป ด้วยความเคารพ ก่อนลงนามและชื่อท้ายจดหมาย”

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ พฐ. เข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะนำร่างของผู้ตายทั้ง 2 ส่งไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลศิริราช
----------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/1d5aYVqfD3s