DSI แจงเรียก 'นอท กองสลากพลัส' สอบฐานะพยาน เจ้าตัวปัดเอี่ยวฟอกเงิน พร้อมแจงบัญชีย้อนหลัง

จากกระแสข่าวที่ระบุว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ออกหมายเรียก นอท กองสลากพลัส หรือนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ CEO บริษัท ลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด ข้อกล่าวหา เกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน

สืบเนื่องจากทางดีเอสไอ ได้มีการสอบสวนขยายผลจนพบกลุ่มขบวนการฟอกเงินดังกล่าวตามที่เป็นข่าว ปรากฏพบว่าเส้นทางการเงินของขบวนการนี้ได้เชื่อมโยงมายังผู้บริหารกองสลากพลัส จำนวนกว่า 42 ล้านบาท (ณ ข้อมูลปัจจุบัน) ซึ่งดีเอสไอให้โอกาสผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมเอกสารต่างๆมาชี้แจงที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และหากให้การเป็นประโยชน์หรือมีข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือ ก็จะให้ความเป็นธรรม เพราะปัจจุบันถือว่ายังอยู่ในสถานะพยาน

สำหรับขั้นตอนออกหมายเรียกในวันที่ 13 ม.ค.66 ว่า หากผู้บริหารกองสลากพลัสเดินทางเข้าพบ ทางพนักงานสอบสวนจะแจ้งวัตถุประสงค์การออกหมายเรียก อธิบายถึงข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานที่รวบรวมได้และสอบถามบางประเด็นคร่าวๆให้รับทราบ เช่น ขอให้ชี้แจงว่าเงินก้อนดังกล่าวเป็นของลูกค้ากลุ่มใด

เพราะตามหลักการทำธุรกิจแล้ว ผู้บริหารจะต้องรู้จักกลุ่มผู้บริโภคของตัวเอง เพื่อให้กลับไปรวบรวมเอกสาร อาทิ รายการเดินบัญชีออมทรัพย์ย้อนหลัง หรือเอกสารสำคัญต่างๆ เพื่อนำเข้ามามอบให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษอีกครั้งตามกรอบระยะเวลาภายใน 15 วัน หรือตามที่บุคคลดังกล่าวแจ้งความประสงค์ เพราะเอกสารอาจมีจำนวนมาก จึงต้องให้เวลาเขาได้ดำเนินการจัดเตรียม ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายอนุญาต และในวันดังกล่าวนี้จะยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวใด

นอกจากนี้ ดีเอสไอโดยศูนย์คดียาเสพติด ได้ออกหมายเรียกพยานบุคคลอีกกลุ่มหนึ่งจำนวน 7 คน ไม่ได้เรียกเพียงผู้บริหารคนดังกล่าวเท่านั้น และไม่ได้เรียกให้ทุกคนเข้ามาพร้อมกัน แต่เรียกตามลำดับความสำคัญก่อน เพื่อนำผลการสอบปากคำไปใช้เป็นแนวทางในการออกหมายเรียกบุคคลอื่นๆในภายหลัง

เมื่อถามถึงข้อครหาที่สังคมมองว่าเป็นการสั่งการจากนายกรัฐมนตรี จนเรียกว่าดีเอสไอรับลูกต่อหรือไม่นั้น คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด ชี้แจงว่า จริงๆแล้วคณะทำงานได้มีการขยายผลเกี่ยวกับขบวนการกลุ่มฟอกเงินมาตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค.65 และไม่สามารถทราบได้ว่าจะเจอบุคคลใดบ้างที่เชื่อมโยงถึง ซึ่งเป็นการสืบสวนสอบสวนขยายผลทางคดี ไม่ใช่เรื่องการเมืองและไม่ได้หมายพุ่งเป้ามาที่กองสลากพลัสเจ้าเดียว แต่เป็นเพราะการขยายผลทางคดีที่พบว่าเส้นทางการเงินของหัวหน้าขบวนการฟอกเงินรายสำคัญที่ดีเอสไอจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น มีความเชื่อมโยงถึงผู้บริหารกองสลากพลัสโดยตรง

"มั่นใจในพยานหลักฐานที่ได้สืบสวนสอบสวนขยายผลพบว่าบุคคลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องแบบไม่ปกติ  รวมถึงเงินหลายสิบล้านบาทที่ไหลเข้าสู่บัญชี ก็มาจากกลุ่มที่ประกอบอาชีพไม่สุจริตอย่างขบวนการฟอกเงิน จึงต้องเชิญมาให้การในฐานะพยาน" คณะทำงานศูนย์คดียาเสพติด ระบุ

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ยังต้องสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีออมทรัพย์ของบุคคลดังกล่าวเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นๆอีกหรือไม่อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นยังพบว่ามีเงินจากบัญชีไหลเข้าสู่บัญชีของบุคคลสำคัญรายหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักของคนในสังคมอีกด้วย

ขณะที่วานนี้ (5 ม.ค.) นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ได้ชี้แจงกับทีมข่าวว่า ตัวเองก็เพิ่งทราบเรื่องราวจากเฟซบุ๊กและนักข่าวเมื่อวาน รู้สึกตกใจเหมือนกัน แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดอะไร เพราะยังไม่มีหมายเรียก หรือการติดต่อจาก เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ให้เข้าพบหรือชี้แจงข้อมูล

ซึ่งวันนี้ตลอดทั้งวันผมพยายามหาข้อมูลอ่านข่าว ขอยืนยันว่าไม่รู้จักกับกลุ่มขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ และตอนนี้ก็ไปดูรายการบัญชีย้อนหลัง ยังไม่พบข้อมูลรายการไหนที่ผิดปกติ ทุกรายการสามารถชี้แจงที่มาได้ทั้งหมด ซึ่งหากเป็นตามข่าวที่ระบุว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีของตนในหลัก 10 ล้านบาท ก็ยิ่งง่ายเพราะยอดเงินสูงสามารถตรวจสอบระบุ ผู้ทำธุรกรรมได้เนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการโอนจากกลุ่มบริษัทคู่ค้า ทั้งนี้ตนเองพร้อมให้ความร่วมมือหากมีการประสานจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมเข้าให้ข้อมูล

อย่างไรก็ตาม จากข่าวที่เกิดขึ้นทำให้ตนได้รับความเสียหาย มีผลกระทบต่อธุรกิจ ซึ่งในโลกออนไลน์มีคนเข้ามาต่อว่า จำนวนมา ทำให้เกิดความไม่สบายใจ เพราะธุรกิจของตนก็ถือว่ามีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกเจ้าใจผิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการฟอกเงิน แต่ขอยืนยันว่าทำธุรกิจถูกต้อง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการผิดกฎหมายแน่นอน

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/C0ZG01R6SYQ