อาชญากรรม

“ชูวิทย์” รับเข็มยุติธรรมธำรงจาก “สมศักดิ์” บอกตำแหน่งที่ปรึกษาเลขาฯ ป.ป.ส. ที่มอบให้ ขอพิจารณาดูก่อน

โดย paranee_s

8 ธ.ค. 2565

550 views

วันนี้ (8 ธ.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองดัง เดินทางเข้ามอบข้อมูลและหลักฐานที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญเกี่ยวกับยาเสพติด มีความเชื่อมโยงไปถึง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ "ตู้ห้าว" ผู้ต้องหากลุ่มนายทุนจีน ให้กับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.


โดย นายชูวิทย์ บอกว่า จากพฤติกรรมของนายตู้ห่าว เป็นการทำธุรกิจสีดำเจริญเติบโตรวดเร็ว ถ้าไม่มีคอนเนกชันหรือเครือข่ายที่ให้การช่วยเหลือ ก็คงไม่ร่ำรวยเร็วอย่างนี้ อีกทั้งยังทำให้บ้านเมืองตกอยู่ภายใต้ยาเสพติด แต่การที่ตนเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาเพื่ออยากให้เห็นพฤติกรรมว่าไม่ใช้บันได แต่ใช้ลิฟต์ในการขึ้นสู่อำนาจ ซึ่งตอนนี้ไม่สามารถพูดเยอะได้แล้ว เนื่องจากการที่ตนออกมาแฉเรื่องต่างๆ ทำให้ถูกจับตามอง จึงอยากขอให้ประชาชนหรือคนดี ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากรู้เบาะแสก็แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบดูแล


ส่วนเข็มรางวัลยุติธรรมธำรง ที่ รัฐมนตรีจะมอบให้ ตนขอปฏิเสธที่จะรับ ด้วยเหตุผลที่ว่าตัวเองไม่ใช่คนดีเคยเป็นคนชั่วมาก่อน จึงอยากให้เก็บรางวัลนี้ไปมอบให้กับคนดีจริงๆ


ส่วนเรื่องเงิน 5 เปอร์เซ็นต์ที่เป็นเงินรางวัลนำจับจากคดียาเสพติดของนายตู้ห่าว จากทาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ที่จะแบ่งให้กับตนนั้น ตนจะนำเงินทั้งหมดที่ได้มาจะนำไปบริจาคให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเงินในการซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ เนื่องจากตนมีเงินใช้พออยู่แล้ว และขอเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับประชาชนในการแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่จนสามารถจับกุมตัวตู้ห่าวได้ จากนั้น นายชูวิทย์ ก็เข้าไปประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและคณะผู้บริหารของกระทรวงยุติธรรม และ ป.ป.ส. โดยมีพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเข้าร่วมประชุมด้วยใช้เวลาการประชุม กว่า 3 ชม.


ภายหลังการประชุม นายสมศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบรางวัลยุติธรรมดำรง ให้กับ นายชูวิทย์ ที่ติดคุกมาถึง 3 ครั้ง กลับมาเป็นบุคคลดีเด่นสำหรับการแจ้งเบาะแสทำลายเครือข่ายยาเสพติดขนาดใหญ่ของนายตู้ห่าว


ซึ่งการแจ้งเบาะแสยาเสพติดในประเทศไทยมีการแจ้งเข้ามาน้อยมากเพราะเกรงกลัวอิทธิพลมืด จึงอยากให้การมอบรางวัลให้กับนายชูวิทย์ในครั้งนี้ ขอให้เป็นตัวอย่างแกประชาชน หากบุคคลใดที่กลัวไม่ได้ความปลอดภัยในการแจ้งเบาะแส สามารถมาแจ้งขอให้มีการคุ้มครองพยานได้จากทาง ป.ป.ส.


การปฏิบัติงานของทาง ป.ป.ส.ในปีนี้ เดิมทีมีเพียง 5 มาตรการ แต่ได้เพิ่มมาตรการอีก 1 ข้อ คือ ยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด ซึ่งทาง ป.ป.ส.ได้ตั้งเป้าไว้ที่แสนล้านบาท ตอนนี้สามารถยึดได้แล้วหมื่นกว่าล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่จะทำการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการยึดอายัดทรัพย์จนกว่าคดีจะสิ้นสุดให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำคดี 25% และกับผู้แจ้งเบาะแส 5% รวมเป็น 30% ให้เป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้แจ้งเบาะแส


ทั้งนี้ ได้มีมติจากคณะกรรมการในกระทรวงยุติธรรม ให้มีการแต่งตั้ง นายชูวิทย์ เป็นที่ปรึกษาเลขาฯ ป.ป.ส. เนื่องจากมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องยาเสพติด


ภายหลังจากพิธีมอบรางวัลยุติธรรมธำรง ที่ได้มีการพูดคุยและรับมอบรางวัล นายชูวิทย์ ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกว่า ตนมีความรู้สึกเกินกำไรที่ได้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ และดีใจที่ได้ออกมาแฉขบวนการและได้รับการตอบสนองเป็นอย่างดี และไม่ได้หวังเงิน ทองอะไร


ส่วนเรื่องที่น่าเป็นห่วงคือ คดียาเสพติดของนายตู้ห่าวมีมากมาย แต่ทรัพย์สินที่เป็นโรงแรมยังคงเปิดกิจการอยู่ เจ้าหน้าที่จะต้องเข้าไปตรวจสอบอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะมีการโยกย้าย


และที่ยังเป็นห่วงอยู่อีกเรื่องคือ อิทธิพลของนายตู้ห่าว ซึ่งจากวันตรวจสอบผับจินหลิน พบผู้เสพยาหลักร้อยราย ตอนนี้เหลือ 60 ราย เห็นได้ว่ามีการใช้เส้นสายในการช่วยคดีความ ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงอยากให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เคร่งครัดตรวจสอบให้ชัดเจน และดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาและรวดเร็ว ไม่เช่นนั้น จะเกิดเอฟเฟกต์ตามมาในภายหลัง


ส่วนเรื่องตำแหน่งที่ปรึกษาเลขาธิการ ป.ป.ส. ที่ รมว.ยุติธรรมมอบให้นั้น จะขอเก็บไว้พิจารณาก่อน เนื่องจากทั้งชีวิตที่ผ่านมา ได้ผ่านตำแหน่งนี้มานับไม่ถ้วนแล้วและไม่ได้อยากได้ตำแหน่งอะไรทั้งนั้น


ส่วนระเบียบการจัดสรรเงินรางวัล ที่มีการยึดอายัดทรัพย์สินได้จากขบวนการของผู้ต้องหา จากจำนวน 100% จะแบ่ง 70% เป็นของทรัพย์แผ่นดิน ส่วนอีก 30% จะแบ่งให้ 4 กลุ่ม ดังนี้


1.กลุ่มผู้ทำการสืบสวนจับกุมจับกุมเพียงอย่างเดียวไม่ได้ขยายผลยึดทรัพย์ (อัยการ/ตำรวจ/ทหาร/ฝ่ายปกครอง/DSI/ป.ป.ส.) 2%

2.กลุ่มพนักงานสอบสวนอัยการ 4% (พนักงานสอบสวน 2% อัยการที่เกี่ยวข้อง 2%)

3.กลุ่มผู้ทำการสืบสวนขยายผล (อัยการ/ตำรวจ/ทหาร/ฝ่ายปกครอง/dsi/ป.ป.ส.) 15%

4.ผู้ทำสำนวนและบริหารจัดการทรัพย์สิน 9% แบ่งเป็น อัยการผู้ทำหน้าที่บังคับคดี 1% / พนักงาน ป.ป.ส.ทำคดีตรวจทรัพย์สิน 5% / ผู้เก็บรักษาทรัพย์ 2.5% / ผู้ทำหน้าที่ขายทอดตลาด 0.5%

แต่สำหรับคดีใดที่มีผู้แจ้งเบาะแส จะได้ 5% ที่เป็นรางวัลแจ้งเบาะแส จะเฉลี่ยจาก 30% ของ 4 กลุ่มมาให้ผู้แจ้ง โดยคดีของตู้ห่าว

เบื้องต้น สามารถยึดอายัติทรัพย์ในส่วนของคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาแล้ว ประมาณ 1,028 ล้านบาท ซึ่งนายชูวิทย์ จะได้ 5% จากจำนวนดังกล่าว แต่ส่วนคดีอื่น ๆ ที่ไม่มียาเสพติดเกี่ยวข้องอยู่นอกเหนือการทำงานป.ป.ส.

คุณอาจสนใจ

Related News