อาชญากรรม

ไรเดอร์คอตก ถูกแจ้งจับ 14 โรงพัก หลังรับจ้างเปิดบัญชีม้า เหยื่อถูกหลอกสูญเงิน 2.8 ล้าน

โดย petchpawee_k

15 พ.ย. 2565

1.6K views

ไรเดอร์หนุ่มช็อก ถูกแจ้งความ 14 โรงพักหลังรับจ้างเปิดบัญชีม้า ถูกนำไปหลอกเหยื่อกว่า 2.8 ล้าน พ้อเตรียมขี่รถ จยย.จากนนทบุรี รายงานตัวตามเรียกที่อุบลฯ กว่า 700 โล

วานนี้ (วันที่ 14 พ.ย.) อุทาหรณ์สอนใจหนุ่มไรเดอร์รับจ้างเปิดบัญชีม้า ถูกมิจฉาชีพให้เปิดบัญชีธนาคารแต่ไม่ให้เล่มสมุดตัวจริง แต่ให้ใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือของมิจฉาชีพเปิดเป็นแอพแทน ต่อมาถูกธนาคารอายัดบัญชีเพราะมีผู้เสียหาย 14 รายแจ้งความ ก่อนจะพบความจริงว่า มิจฉาชีพใช้บัญชีที่เปิดไปหลอกลวงผู้เสียหายจนได้เงินไปกว่า 2.8 ล้านบาท


ทำให้หนุ่มไรเดอร์คนดังกล่าวโพสต์ประสบการณ์ในการเดินทางด้วยรถจยย.เพื่อที่จะเตรียมขี่รถจยย.จากจ.นนทบุรี ไปรายงานตัวที่ สภ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี ตามหมายเรียกในวันที่ 15 พ.ย.นี้ เนื่องจากไม่มีค่ารถเดินทาง


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับไรเดอร์หนุ่มที่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพที่รับซื้อบัญชีธนาคาร คือนายนิรันดร์ อายุ 42 ปี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ระหว่างที่ตนออกไปวิ่งรับส่งอาหารตามปกติ ต่อมาลูกชายโทรมาหาเพื่อขอค่าขนม ซึ่งตนเองก็ไม่มีเงินติดตัวที่จะให้ลูกเลย จึงคิดว่าจะหาเงินยังไงเพื่อนำไปจ่ายขนมให้ลูกก่อน ช่วงระหว่างที่รองานตนนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือไปเล่นเฟซบุ๊กกลุ่มรับซื้อขายบัญชีธนาคารต่าง ๆ ตนจึงลองทักข้อความไปหาคนที่ลงประกาศรับซื้อเพื่อสอบถามรายละเอียด


ซึ่งตนก็ได้สอบถามไปอย่างชัดเจนแล้วว่า ต้องการนำบัญชีธนาคารไปทำอะไร ซึ่งทางมิจฉาชีพที่รับซื้อก็อ้างว่า จะนำบัญชีไปขายต่อให้กับแรงงานต่างด้าวที่แอบเข้ามาทำงานโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งตนก็ได้ย้ำคำถามไปอีกครั้งว่า ถ้าตนนำบัญชีมาขายต่อให้จะไม่มีหมายตามมาใช้ได้ ซึ่งมิจฉาชีพก็อ้างว่าไม่มี โดยเขาจะให้ค่าจ้างเปิดบัญชีเป็นเงิน 1 พันบาท พร้อมกับเงินอีก 100 บาท ที่จะต้องใช้ในการเปิดบัญชีกับทางธนาคาร


โดยมิจฉาชีพรายนี้บอกเงื่อนไขตนมาว่า เขาต้องการให้ตนไปเปิดบัญชีของธนาคารออมสินโดยให้ใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือของเขาผูกกับบัญชีเพื่อเปิดแอพธนาคารไว้ ด้วยความไม่เอ๊ะใจและต้องการหาเงินไปซื้อขนมให้ลูกทั้ง 3 คน ตนจึงตัดสินใจนำเงิน 100 บาท ที่มิจฉาชีพรายนี้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวมาให้ไปเปิดบัญชีให้ไป ซึ่งตนก็ได้รับค่าจ้างมาเป็นเงินครั้งละ 500 บาท จำนวน 2 ครั้ง


นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า หลังจากนั้นต่อมา ในวันที่ 17 ก.ย.ก็มีผู้เสียหายรายหนึ่งโทรแจ้งศัพท์ติดต่อเข้ามาหาตน พร้อมกับสอบถามเรื่องเงินจำนวน 1.4 แสนบาทที่โอนเข้าบัญชีตนมา ด้วยความตกใจและไม่รู้เรื่องว่ามีเงินโอนเข้ามาที่ตนเปิดไว้เป็นจำนวนมาก จึงได้นัดให้ทางผู้เสียหายเดินทางมาพบกันที่โรงพัก สภ.บางใหญ่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ


ซึ่งต่อมาผู้เสียหายซึ่งเป็นสามีภรรยาเดินทางมาจากย่านหลักสอง ได้มาพูดคุยกับตนเองแล้ว จึงทราบว่าตนเองก็ถูกมิจฉาชีพหลอกให้ไปเปิดบัญชีมาเช่นกัน จึงให้ตนช่วยพยายามติดต่อกับทางมิจฉาชีพรายนี้เพื่อนำข้อมูลมาให้ตำรวจ แต่ปรากฏว่าตนก็ไม่สามารถติดต่อทุกช่องทางกับมิจฉาชีพรายนี้ได้เลยเนื่องจากถูกบล็อกการติดต่อ


นายนิรันดร์ กล่าวว่า ต่อมาในวันที่ 18 ก.ย. ตนจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ธนาคารออมสินที่ตนหลงเชื่อเปิดบัญชีให้กัยมิจฉาชีพไว้ จึงทราบความจริงที่น่าตกใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื้อทางธนาคารตรวจสอบแล้วพบว่า มีผู้เสียหายถึงจำนวน 14 ราย ที่ถูกมิจฉาชีพรายนี้นำบัญขีของตนไปหลอกเอาเงินผู้เสียหายมาเป็นเงิน 2,891,209 บาท ก่อนจะถูกถอนผ่านแอพธนาคารออกไปจำนวน 2,885,155 บาท เหลือติดบัญชีไว้เพียง 6 พันบาท


ตอนที่รู้ความจริงจากทางธนาคาร ตนเข่าอ่อนแทบทรุดลงกับพื้น เพราะไม่คิดว่าบัญชีที่ตนเปิดให้คนร้ายไปเพียงเพื่อต้องการนำเงินไปซื้อขนมให้ลูกๆ จะถูกนำไปหลอกลวงผู้เสียหายเป็นเงินจำนวนมากขนาดนี้ ตนคงไม่มีเงินมาคืนผู้เสียหายได้ทุกคน เพราะทุกวันนี้ แค่สิ่งรับส่งอาหารกับผ่อนจ่ายเงินกู้รายวันก็แทบไม่เหลือเงินแล้ว


นายนิรันดร์ กล่าวว่า หลังจากทราบความจริงที่ถูกมิจฉาชีพหลอกเปิดบัญชีแล้ว ตนกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายคืน พยายามฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ภรรยากับลูกๆมาช่วยไว้ทัน


ต่อมาตนเคยคิดว่าจะหนีคดีไปให้ไกล เพราะรู้ว่าคดีนี้มีผู้เสียหายถึง 14 คน หากตนหนีคงต้องหนีไปทั้งชีวิตไม่ได้เจอหน้าลูกเมียแต่ถ้าสู้ความจริงยอมรับว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาจากเราที่หลงเชื่อมิจฉาชีพเอง อย่างน้อยช่วงที่ติดคุกลูกเมียก็ยังมาเยี่ยมมาเจอกันได้ ทำให้ตนตัดสินใจว่า จะยอมก้มหน้ารับความจริงที่เกิดทั้งหมด ไม่หลบหนีไปไหนเพราะตนไม่มีเจตนาจะไปโกงใคร เพราะถ้าโกงจริงป่านนี้ตนกับครอบครัวคงจะสบายไปแล้ว ได้แต่เตรียมทำใจรอรับหมายเรียกต่าง ๆ จากเจ้าทุกข์ผู้เสียหาย


จนกระทั่งต่อมามีหมายเรียกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เหล่าเสือโก้ก จ.อุบลราชธานี แจ้งให้ตนเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ด้วยความที่ตนไม่ค่อยจะมีเงินเป็นค่าเดินทาง จึงตัดสินใจว่าจะขี่ รถ จยย.ที่ตนใช้วิ่งงานอยู่ เป็นพาหนะเดินทางไปพบตำรวจตามหมายเรียกที่อุบลราชธานี ที่มีเจ้าทุกข์แจ้งความไว้เป็นจำนวนเงิน 7.7  หมื่นบาท จึงได้นำเรื่องราวไปสอบถามเพื่อนๆในกลุ่มไรเดอร์เพื่อขอคำชี้แนะเส้นทางในการเดินทาง


นายนิรันดร์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีกลุ่มมิจฉาชีพรับซื้อรับขายบัญชีธนาคารเป็นจำนวนมาก หากคนไม่มีประสบการณ์เผลอหลงเชื่อตามคำหลอกลวงของมิจฉาชีพจะเกิดความเสียหายตามมาภายหลังมากกว่าที่คิด ให้ดูกรณีของตนเป็นกรณีศึกษา ซึ่งถ้าเป็นไปได้ตนก็อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบหาต้นต่อของมิจฉาชีพที่หลอกให้ตนเปิดบัญชีให้ไปด้วยว่า เงินจำนวนเหล่านี้ถูกโอนต่อไปยังปลายทางที่ไหนด้วยเพื่อติดตามนำกลับมาคืนให้ผู้เสียหายทั้งหมด ซึ่งถ้าหากตนย้อนเวลาได้ตนคงไม่ตัดสินใจแบบนั้นแน่นอน คงจะคิดได้รอบคอบมากกว่านี้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/YVkx-m8oIrM

คุณอาจสนใจ

Related News