อาชญากรรม

ร้องยุติธรรม คุ้มครองพยาน แฉปมกู้เงินสวัสดิการฯทหาร ซื้อบ้าน ชนวนเหตุ 'จ่าคลั่งกราดยิงโคราช'

โดย thichaphat_d

18 ต.ค. 2565

333 views

วานนี้ (17 ต.ค.) ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อมด้วย น.ส.ก้อย และ น.ส.เบิร์ด (นามสมมติ) เข้าพบว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นขอคุ้มครองพยาน หลังถูกทหารนายหนึ่งของกองทัพบกข่มขู่คุกคาม

น.ส.ก้อย เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นผู้ประกอบการสร้างบ้านขายให้กับกำลังพลของกองทัพบก โดยกำลังพลที่จะซื้อบ้านกับตัวเองจะต้องทำเรื่องกู้ผ่านกรมสวัสดิการทหารบก ซึ่งทางกรมฯ อ้างว่า จะต้องหักค่าธรรมเนียมกองทัพบก 5% เช่น บ้านราคา 1 ล้านบาท กำลังพลจะต้องกู้สวัสดิการวงเงิน 1,500,000 บาทและจะถูกหัก 5% คือ 75,000 บาทเป็นค่าธรรมเนียมกองทัพบก

โดยที่กำลังพล (ผู้กู้) ไม่ทราบว่า มีการหักเงินตรงนี้ไว้ นอกจากการหักเงิน 5% ยังมีเงินทอนส่วนต่างที่กำลังพลจะต้องได้เงินทอนประมาณ 4 แสนบาทไปเพื่อตกแต่งบ้าน ซึ่งประเด็นนี้ กรณีของจ่าคลั่งที่กราดยิงโคราช จึงไปตามทวงถามเงินกับผู้ประกอบการ ก็คือ ป้านงค์ ที่ถูกยิงเสียชีวิต เพราะไม่พอใจที่ป้านงค์ เก็บเงินส่วนต่างสำหรับตกแต่งรวมถึง 5% ตรงนี้ไว้ ประกอบกับบ้านที่จ่าคลั่งซื้อ ยังสร้างไม่เสร็จ ระบบน้ำไฟต่างๆก็ยังไม่เสร็จ จึงไม่พอใจและก่อเหตุดังกล่าว

ซึ่งกรณีของ น.ส.ก้อย เป็นผู้ประกอบการที่ทอนเงินส่วนต่างให้กับกำลังพลผู้กู้ แต่ว่ายังคาด 5% เพราะถูกกรมสวัสดิการเก็บไว้อ้างเป็นค่าธรรมเนียมของกองทัพบก สุดท้ายแล้ว น.ส.ก้อย ไปสืบสาวราวเรื่อง จนทราบว่า 5% ตรงนี้กองทัพบกไม่มีระเบียบในการจัดเก็บเป็นการเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเองของ นายทหารคนหนึ่งของกรมสวัสดิการทหารบก

หลังจากนางสาวก้อยไปขุดคุ้ยจนพบว่าเป็นการเก็บเงินส่วนต่าง 5% เข้ากระเป๋าตัวเองของกรมสวัสดิการทหารบก จึงร้องเรียนไปที่กองทัพบกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและมีการเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องปรากฏว่า หลังประชุมมีนายทหารคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ในห้องประชุมด้วยออกมา พยายามขโมยเอกสารลับ หลักฐานที่นางสาวก้อยไปตรวจพบว่ามีการเก็บเงิน 5% ไว้เองโดยอ้างกองทัพบก

นอกจากเอกสารลับและวงจรปิดหลักฐาน ที่ทนายไพศาลและผู้ประกอบการผู้เสียหายมายื่นขอคุ้มครองพยาน เพราะนอกจากนางสาวก้อยยังมีผู้ประกอบการรายอื่นๆอีก เช่น น.ส.เบิร์ด เป็นผู้ประกอบการสร้างบ้านจัดสรรขาย ให้กับกำลังพลกองทัพบกเหมือนกัน และพอเกิดปัญหากำลังพลมาทวงถามเงินทอนส่วนต่างและเงิน 5% ทางน.ส.เบิร์ด ยอมจ่ายเงินทั้งหมด 3 หลัง ราคากว่าล้านบาทให้กับกำลังพลที่มาซื้อบ้าน เพราะไม่อยากมีปัญหากับกองทัพบก แล้วจะถูกตัดสิทธิ์เข้าโครงการ บ้านอีกกว่า 100 หลังจะขายไม่ได้

โดยมีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าลิฟต์ ที่บันทึกภาพผู้เสียหายที่ถือเอกสารที่จะนำไปร้องเรียน แต่จู่ๆ มีชายแต่งกายคล้ายทหารเข้ามาพยายามจะแย่งเอกสารที่อยู่กับผู้เสียหาย เพื่อที่จะนำไปทำร้ายเพื่อไม่ให้เรื่องถูกเปิดเผย

ทั้งนี้มีการเปิดเผยเสียงที่ทหารนายหนึ่งของกองทัพบกโทรมาข่มขู่นางสาวก้อย ใจความว่า “ไม่ใช่อยู่ๆพี่มาต่อว่าหนูแบบนี้ หนูเป็นประชาชนนะพี่ พี่เป็นข้าราชการ พี่กินภาษีของหนูอยู่ อย่ามาต่อว่าหนูอย่างนี้” โดยนายทหารคนดังกล่าวตอบกลับมาว่า “ผมไม่เล่นงานคุณก็บุญแล้ว”

ขณะที่สามีของนางสาวก้อย ที่เป็นข้าราชการทหาร ยศระดับนายพัน กล่าวว่า วันนี้ตนออกมาให้ฐานะผู้นำครอบครัว ตอนนี้ครอบครัวตนโดนข่มขู่ ทั้งทางโทรศัพท์และทางการกระทำ ตนที่เป็นผู้นำครอบครัวจะออกมาร้องขอกระทรวงยุติธรรมให้ทำการครอบครัวของตน ซึ่งตอนนี้ตนแค่ถูกข่มขู่แต่ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเรื่อยๆ อาจจะถึงชีวิตของตนและครอบครัว

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก จ่าเอก (นามสมมติ) พยานปากสำคัญที่เป็นเจ้าหน้าที่เสมียนธุรการของกรมสวัสดิการทหารบก ซึ่งจ่าเอกเป็นคนโอนเงิน 5% เข้าบัญชีหัวหน้าตัวเอง สุดท้ายถูกหัวหน้าหักหลัง โยนบาปให้ว่า จ่าเอก เป็นคนฉ้อฉลทำธุรกรรมอำพราง เก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ซึ่งตอนนี้จ่าเอกถูกผู้ประกอบการสร้างบ้านขาย ฟ้องร้องด้วย

โดย ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม บอกว่าคดีนี้จะต้องสืบเสาเส้นทางการเงินแบ่งเป็น 2 ส่วน , ส่วนแรก 5% คือ 75,000 บาท เงินไปถึงใครบ้าง , ส่วนที่สอง เงินทอนส่วนต่างค่าตกแต่งบ้านอีกประมาณ 4 แสนบาท อยู่ที่ใครเก็บไว้ จะต้องดำเนินการเอาผิดทั้งหมด

ส่วนทนายไพศาล บอกว่าตั้งแต่ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวเตรียมข้อมูลหาพยานหลักฐานข้อเท็จจริงมานานกว่า 1 เดือน ก็ถูกโทรศัพท์มาข่มขู่และบอกให้ยุติการทำเรื่องดังกล่าว ซึ่งทนายไพศาลบอกว่า ยิ่งขู่ ผมยิ่งทำ ดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุ โศกนาฏกรรมซ้ำอีก


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/A1tYLsYz0o4


คุณอาจสนใจ

Related News