อาชญากรรม

สาวนักธุรกิจโร่แจ้งตำรวจ นาฬิกาปาเต๊ะ มูลค่า 2 ล้าน หายไปในบ้าน ขณะเตรียมนำไปให้ช่าง

โดย chutikan_o

5 มี.ค. 2566

1.2K views

สาวนักธุรกิจขายนาฬิกาหรูโร่แจ้งตำรวจ หลังนาฬิกาปาเต๊ะ มูลค่ากว่า 2 ล้านบาท หายไปในบ้าน ขณะเตรียมนำไปให้ช่างตรวจเช็กสภาพ พร้อมนำตัวพี่เลี้ยง 2 คน และคนรับส่งของมาสอบปากคำ




เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 4 มีนาคม 2566 นางสาวฐิติมา สายศิลป์ หรือ เป้ อายุ 38 ปี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง หลังนาฬิกายี่ห้อ Patek มูลค่า 2.1 ล้านบาท หายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในบ้าน ขณะกำลังเตรียมส่งให้ช่างตรวจเช็กสภาพ จึงนำตัว น.ส.หนึ่ง และ น.ส.แพท พี่เลี้ยงที่ดูแลลูกชายภายในบ้าน รวมถึงนายธเนศ ยิงรัมย์ หรือ นัส อายุ 27 ปี Messenger ที่รับหน้าที่วิ่งงานให้ มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบปากคำและสืบหาว่าใครเป็นคนนำนาฬิกาปาเต๊ะไป





น.ส.ฐิติมา กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 มีนาคม 66 ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังพักผ่อนอยู่ชั้นบนของบ้านกับสามี เธอได้ติดต่อนายธเนศ Messenger ให้นำนาฬิกา 2 เรือน ยี่ห้อปาเต๊ะ หน้าปัดเทาดำ รุ่น 7118/10200 A มูลค่า 2.1 ล้านบาท กับนาฬิกา Rolex หน้าปัดเงินรุ่น 116509 มูลค่า 1.8 ล้านบาท ไปตรวจเช็กสภาพเครื่องกับช่างประจำที่ย่านบางแค รวมทั้งฝากเงินสด 1.7 ล้านบาทใส่ไว้ในถุงซิป เพื่อนำไปให้แม่ที่บางบอน โดยเธอใช้บริการของนายธเนศมานานเกือบ 10 ปีแล้ว ในวันเกิดเหตุนายธเนศได้นำทรัพย์สินและเงินสด 1.7 ล้านบาทไปให้แม่เป็นที่เรียบร้อย



ส่วนนาฬิกา ทั้ง 2 เรือนนั้นนายธเนศและทางร้านนาฬิกาได้ยืนยันว่ามีเพียง Rolex เท่านั้นที่อยู่ในถุงซิปและนำมาให้ร้านตรวจเช็ก ตอนนั้นเธอตกใจมากจึงสอบถามเรื่องราวจากลูกชายวัย 10 ขวบ รวมทั้งพี่เลี้ยงสาวที่ชื่อหนึ่งและแพท แต่พี่เลี้ยงทั้ง 2 คนยืนยันว่าไม่ได้เอานาฬิกาปาเต๊ะไป เธอสอบถามทราบจากลูกชายว่าเป็นคนหยิบนาฬิกาพร้อมกับพี่เลี้ยงที่ชื่อหนึ่ง ใส่ลงไปในถุงซิปคนละเรือนจริงๆ




เมื่อถามนางสาวแพท ก็บอกว่าไม่ได้เอาไป แต่ช่วงเกิดเหตุที่นาฬิกาหายเป็นช่วงเปลี่ยนกะของพี่เลี้ยงทั้ง 2 คน โดยนางสาวแพทกำลังจะออกเวร ส่วนนางสาวหนึ่งกำลังจะมาเข้าเวรและอยู่ระหว่างเตรียมอาหารให้กับลูกๆ ซึ่งช่วงนั้นลูกชายกับนางสาวหนึ่งที่ช่วยกันนำเงินสดและนาฬิกาใส่ถุงเรียบร้อย โดยนำถุงซิปมาไว้ที่โต๊ะอาหาร มีเพียงนางสาวแพทที่เข้ามาที่ครัว ส่วนลูกชายกับนางสาวหนึ่งก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา จึงไม่ทราบจริงๆ ว่านาฬิกาเรือนดังกล่าวถูกใครเอาไปในสามคนนี้ เรื่องที่เกิดขึ้น เธออยากให้คนที่หยิบไปนำมาคืน ยืนยันจะไม่เอาเรื่องและจะให้รางวัลเป็นเงินก้อนหนึ่งแต่ถ้าหากถูกจับได้ในภายหลังว่าใครเป็นคนเอาไปและถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบจนจับกุมตัวได้ก็จะดำเนินคดีถึงที่สุด



ขณะที่นายธเนศ กล่าวหลังให้ปากคำกับตำรวจว่า วันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากนางสาวฐิติมาให้มารับทรัพย์สินประกอบด้วยนาฬิกาทั้ง 2 เรือนดังกล่าว รวมทั้งเงินสดซึ่งทราบว่าเป็นหลักล้านแต่ไม่ทราบว่าเท่าไหร่ โดยให้นำไปให้แม่ของนางสาวฐิติมา หลังจากนั้นก็ได้นำนาฬิกาออกมาจากถุงซิปไปให้ช่างซ่อม แต่ปรากฏว่ามีเพียงเรือนเดียวจึงรีบโทรแจ้งให้นางสาวฐิติมาทราบด่วน หลังเกิดเรื่องเขานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะทราบว่านาฬิกามี 2 เรือน ยืนยันว่าวันที่เอาไปให้ช่างในถุงซิปมีนาฬิกาเพียงเรือนเดียวจริงๆ และยืนยันว่าไม่ได้เอาไปอย่างแน่นอน เขาทำงานรับจ้างนำสิ่งของมีค่าจากนางสาวฐิติมา มานานเกือบ 10 ปี ไม่เคยมีความคิดที่จะหยิบฉวยข้าวของที่มีค่าที่รับจ้างมาอย่างเด็ดขาด



ด้านนางสาวหนึ่ง กล่าวว่า เธออยู่กะดึก เช้ามาก็เตรียมชุดให้น้องคนโตไปโรงเรียน วันเกิดเหตุน้องไม่ได้ไปโรงเรียน เวลาประมาณ 8.03 น. เธอได้ยินเสียงน้องคนเล็กเคาะเสียงดังก๊อกๆ เลยรีบลุกขึ้นมาคิดว่าน้องต้องเล่นอะไรผิดปกติอยู่แน่ ก็เลยพุ่งตัวไปหน้าประตูห้อง เห็นว่านาฬิกาถูกเปิดออกมาจากกล่อง ซึ่งเคยเห็นเจ้านายเอานาฬิกาไปซ่อม คิดว่านาฬิกาต้องแพงแน่ มีทั้งหมด 2 เรือน น้องเอานาฬิกาออกมาเลยเรียกน้องคนโตให้เอานาฬิกาไปเก็บ น้องเลยเอาไปเก็บบนโต๊ะกินข้าว เธอไปเตรียมข้าวมาให้น้องก็ยังเห็นว่าถุงวางบนโต๊ะแต่ไม่ได้ผูกปากถุง หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยุ่งอะไรอีกเลย ทำงานแล้วกลับบ้านตามปกติ มองนาฬิกาประมาณ 9.00 น. หลังจากนั้นประมาณ 13.30น.เจ้านายโทรมาถามว่าเห็นนาฬิกาไหม เธอบอกว่าเห็นมี 2 เรือน แต่ที่ร้านนาฬิกาบอกว่ามีเรือนเดียว หายไป 1 เรือน เธอยืนยันว่าเห็น 2 เรือน เจ้านายโทรมาอีกรอบเลยบอกว่าแจ้งตำรวจไหม พยายามช่วยกันหาในบ้านแต่ไม่เจอ ไปไล่ตามไทม์ไลน์ Messenger มาตอน 9.34 น. เธอกลับไปถามน้องซึ่งเป็นลูกชายคนโตถามว่าอยู่ที่หน้าของที่วางไว้ตลอดเลยหรือเปล่า เขาบอกอยู่ตลอด แต่พอถามอีกครั้งเขาบอกว่า เดินขึ้นไปหาแม่เพื่อจะคุยเรื่องไปว่ายน้ำ ก็คือทิ้งของไว้ตรงนั้น เธอโทรไปถามครูว่ายน้ำบอกว่าลูกชายคนโตโทรไปตอน 10.03 น. บอกว่าไม่ไปว่ายน้ำแล้ว ตอนนั้นไม่รู้ว่าพี่เลี้ยงอีกคนไปเอาชุดว่ายน้ำทำไมในเมื่อน้องคนโตบอกยกเลิกแล้ว ซึ่งเธอยืนยันว่าไม่ได้จับของอีกเลยเพราะตอนออกไปของก็อยู่บนโต๊ะกินข้าว ตอนนี้ไม่สบายใจ เนื่องจากทางเจ้านายบอกว่าถ้าหาของไม่ได้ จับคนเอาไปไม่ได้ก็จะไล่ออกทั้งหมดเลย



ขณะที่นางสาวแพท กล่าวว่า พี่หนึ่งจะเข้า 19.00 น.แล้วออก 9.00 น. ส่วนเธอจะเข้ากะ 9.00 น. ออก 19.00 น. พอมาถึงให้น้องเปิดประตูรั้วให้ พอเข้ามาพี่หนึ่งก็เดินไปตรงโต๊ะอาหาร จัดของให้น้องจนเสร็จประมาณ 9.14 น. ตอนนั้นเธออยู่ในครัวแล้ว อุ้มน้องคนเล็กอยู่ ทำอะไรจนเสร็จก่อน Messenger มาประมาณ 10 นาที อุ้มน้องไปที่โซฟาแล้วไปหยิบตะกร้านมน้องตรงที่โต๊ะทานข้าว ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามีของซึ่งเป็นนาฬิกาอยู่บนโต๊ะไม่งั้นจะเลื่อนไปไว้ตรงบันได เวลา Messenger มาจะเปิดประตูให้เขามาหยิบ ทำแบบนี้มา 2 ปีแล้ว เพราะเธออยู่มาก่อนคนชื่อหนึ่ง ส่วนในภาพกล้องวงจรปิด น้องคนโตจะไปว่ายน้ำ เธออุ้มน้องคนเล็กมา เพื่อจะไปเอาชุดว่ายน้ำที่รถ ตอนนั้น Messenger ยังไม่ได้มา ยืนยันไม่ได้เอานาฬิกานายจ้างไปอย่างแน่นอน



คุณอาจสนใจ

Related News