ชายเดินผ่านกระท่อมท้ายนา หูแว่ว ได้ยินพ่อเฒ่า 73 ด่าบุพการี โมโหใช้จอบสับหน้า ดับคาที่

จากกรณีได้รับแจ้งว่ามีผู้พบศพนายทองใบ อายุ 73 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ภายในกระท่อมนาด้านทิศตะวันออกห่างจากหมู่บ้านม่วงประมาณ 1 กม. สภาพศพนอนหงายอยู่กับพื้นในเพิงพักติดกับบ่อน้ำและมีบาดแผลถูกดีด้วยของแข็งที่หน้าผากและขมับด้านซ้ายมีเลือดแห้ง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 24 ชั่วโมง

จากการสอบสวนทราบว่า นายทองใบไม่เคยมีเรื่องผิดใจกับใครและนายทองใบจะไปนอนอยู่ที่นาเป็นประจำ เพื่อเฝ้าปลาในบ่อและเป็ดไก่ที่เลี้ยงเอาไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนขยายผลอยู่หลายวัน จนพบผู้ต้องสงสัยชื่อนายวิสันต์ อายุ 42 ปี 

นอกจากนั้นยังพบว่านายวิสันต์อาศัยอยู่ในบ้านพักกลางทุ่งนาห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นวัยรุ่น 3-4 คนที่มีพยานเห็นในที่เกิดเหตุมาสอบปากคำก็ไม่พบพิรุธแต่อย่างไร จึงตัดบุคคลเหล่านั้นออกไป เหลือเพียงนายวิสันต์ ซึ่งมีที่พักอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ จากการสอบสวนจนเค้นเอาความจริง มีคนเห็นนายวิสันต์ไปที่กระท่อมนาหลังเกิดเหตุ 

นายวิสันต์ยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่านายทองใบ โดยใช้จอบตีเข้าที่บริเวณใบหน้า ส่วนสาเหตุคือ ตนได้ออกไปเดินดูรอบๆ ที่นาและได้ยินเสียงแว่วว่านายทองใบด่าบุพการีของตนเอง จึงบันดาลโทสะ กลับไปเอาจอบที่กระท่อมนาของตนเองกลับมาตีจนถึงแก่ความตาย

จากการตรวจประวัติของนายวิสันต์ ไม่พบว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่พบว่านายวิสันต์มีอาการทางจิต เพิ่งเข้ารับบริการทางการแพทย์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2565 ที่ผ่านมา หลังจากรับสารภาพแล้วนายวิสันต์ ก็พาตำรวจไปเอาจอบที่ใช้ก่อเหตุมามอบให้พนักงานสอบสวนเพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีต่อไป ซึ่งบนสันจอบมีคราบเลือดและเส้นผมของผู้ตายติดอยู่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำนายวิสันต์ไปชี้ยังจุดเกิดเหตุเพื่อประกอบคำรับสารภาพในการดำเนินคดีต่อไป

ทางด้าน พ.ต.อ.พัฒนศักด์ ยี่สารพัฒน์ ผู้กำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 เผยว่าสาเหตุที่ผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ เพราะมีเรื่องระหองระแหงกันมาโดยตลอด เนื่องจากมีที่นาติดกันและวันเกิดเหตุผู้ต้องหาบอกว่า ถูกผู้ตายด่า จึงเดินกลับไปเอาจอบที่อยู่ที่กระท่อมนาของตนเอง ซึ่งห่างออกไปแค่ประมาณ 200 เมตร แล้วนำกลับมาทำร้ายผู้ตายจนเสียชีวิต แล้วหลบหนีไป หลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมไปดำเนินคดี โดยตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา