อาชญากรรม

อดีตผู้ประกาศข่าว ร้องขาดส่งบ้าน 2 เดือน ถูกขายทอดตลาด

โดย attayuth_b

17 มิ.ย. 2565

8.2K views

วันนี้ (17 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. น.ส.นวินดา บริบูรณ์ เดินทางไปที่สำนักกฏหมายพิทักษ์ธรรม ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อปรึกษาทนายในกรณีที่ตนซื้อบ้านในราคาเกือบ 3 ล้าน แต่เพียงแค่ขาดชำระแค่ 2 เดือน รวมสองหมื่นบาทแต่บ้านกลับถูกขายทอดตลาดในราคาครึ่งเดียว

โดยน.ส.นวินดา เล่าว่า เธอซื้อบ้านในโครงการแห่งหนึ่ง ติดถนนใหญ่สายไหม หทัยราษฎร์ ราคา 2.9 ล้าน ตั้งแต่ปี 2558 ทำสัญญาผ่อน 18 ปี วางเงินดาวน์ 300,000 บาท ผ่อนบ้านมาปกติ จนปีที่ 4 เธอค้างค่าผ่อนบ้าน 2 เดือน เข้าเดือนที่ 3 คือเดือนสิงหาคม 2561 มีบิลใบทวงค่าบ้านมาปกติ คือยอดทวง 18,500 ให้ชำระ แต่ระหว่างนั้นเธอไม่สามารถหาเงินมาชำระได้ เพราะมีภาระจัดคอนเสิร์ตเฉลิมพระเกียรติช่วยคนชรา มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช จัดคอนเสิร์ตเสร็จ 1 กันยายน 2561 และไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ ว่าจะขายบ้านให้บริษัทบริหารสินทรัพย์

น.ส.นวินดา กล่าวว่าตนค้างค่าบ้าน 2-3 เดือน แต่แบงค์มาขายทรัพย์ของตนไป ตนไม่รู้ข้อกฎหมายขายไปโดยไม่บอก ตนจะมาจะชำระค่าทวงหนี้ 2 เดือน แต่ทางแบงค์บอกว่า เปลี่ยนระบบชำระแล้วและขายให้กับสินทรัพย์ให้เราไปติดต่อ ทางสินทรัพย์ให้ไปหาเงิน 250,000 บาท ตนหาไม่ได้ ภายใน 2 เดือนต่อมามีหมายมาให้เจรจาที่ศาลเลยไปหาทนายความ บอกว่าให้ไปที่ศาลน่าจะประนีประนอมได้ จนเรื่องผ่านมาเนิ่นนานไปร้องทุกข์ไม่มีใครสามารถช่วยได้จริง จนศาลตัดสิน ว่าตนผิดนัดชำระ ตนจะไปหามาได้ยัง เงินตั้ง 250,000 บาท แค่ระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เสียบ้านไปทั้งหลัง ไปร้องมาหลายหน่วยงานพยายามเจรจาให้ แต่ทาง สินทรัพย์ไม่ยอม ให้ไปหาเงินมาให้ได้ก่อนหน้านี้ตนได้จดหมายทวงมาไม่ถึง 10 วันพอมาชำระทางแบงค์อ้างว่าเปลี่ยนระบบ ชำระแล้วไม่รู้จะทำยังไง

ทั้งนี้ทนายโป้งบอกกับตนว่ามันไม่ทันแล้ว เวลามันล่วงเลยมานานเกินไป ต้องดำเนินการตั้งแต่ตอนแรก ซึ่งเป็นบทเรียนตนเชื่อธนาคารมากเกินไป หลังจากนั้นตนกลับไปปรึกษาแบงค์อีกครั้งทางแบงค์บอกว่าไม่ได้ค้างแค่ 2-3 เดือนแต่กลายเป็นค้าง 4-5 เดือนเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางแบงค์ให้ตนไปหาเงิน 250,000 บาท ทางแบงค์นับเวลาช่วงระหว่างที่ตนวิ่งหาเงินด้วย จึงทำให้ล่วงเลยกำหนดเวลา ชำระ ตอนนี้อยู่ในขบวนการ บังคับคดี เหลือเวลาอีกไม่เกิน 3-4 สัปดาห์บ้านจะโดนยึด และขายทอดตลาด ก่อนหน้านี้ติดช่วงโควิด แต่ตอนนี้เข้าเหตุการณ์ปกติแล้ว ตนรู้สึกเสียใจมาก เพราะดาวบ้านหลังนี้ไป 300,000 บาท ผ่อนไปประมาณ 1 ล้านบาท อยู่มา 5 ปีแล้ว ตนเป็นลูกข้าราชการเก็บหอมรอมริบตั้งแต่บ้านหลังเก่าขายบ้านหลังเดิมรวบรวมเงินเพื่อจะมาดาวบ้านหลังนี้ เงินส่วนหนึ่งไปลงทุนทำทีวี ตนทุกข์ใจมากค้างค่าเช่าบ้าน แค่ 2 เดือน ยังไม่ถึง 3 เดือน กลับโดนยึด ก่อนหน้านี้มีเอกจากกรมบังคับคดีแจ้งมาว่าให้ไปพบ และได้ประกาศขายบ้านทอดตลาดนัดที่ 1 อยากฝากคนที่มีปัญหาเหมือนกับตนให้รีบติดต่อคนที่รู้กฎหมายจริงๆจะได้ไม่ถูกยึดบ้านเหมือนกับตน

ทางด้านทนาย เกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายจิตอาสา กล่าวว่า กรณีนี้เป็นที่น่าเสียดายที่มาปรึกษาช้า เพราะว่ามันเป็นกระบวนการที่ศาลมีคำพิพากษาไปแล้ว เนื่องจากผู้ร้องไม่ได้ใช้สิทธิ์ในการที่จะยื่นคำให้การต่อสู้คดี เข้าใจว่ามีคนแนะนำว่าสามารถไปศาลทำเองได้อะไรเองได้อันนี้ก็ฝากไว้นะครับประชาชนที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีมีหมายศาลมาถึง สิ่งแรกหรือคนแรกที่คุณต้องไปพบก็คือทนายความไปปรึกษาหารือให้เขาอ่านคำฟ้อง ให้ทนายตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าคำฟ้องเนี่ยมันตรงกับข้อเท็จจริงไหมถ้าคำฟ้องไม่ตรงกับข้อเท็จจริงหรือว่าไม่ตรงกับข้อกฎหมายเนี่ยทนายความก็จะยิ่งทำให้การต่อสู้คดีให้เพื่อให้ศาลเห็นว่าคำฟ้องของโจทก์เนี่ยไม่ถูกต้องตรงข้อเท็จจริงหรือไม่ถูกต้องตรงกับข้อกฎหมายเพื่อศาลจะได้มีคำพิพากษายกฟ้องหรือว่ามีคำพิพากษาที่เกี่ยวกับเงินต้นหรือดอกเบี้ยอะไรก็แล้วแต่ที่มันไม่ตรงกับความเป็นจริงศาลจะได้พิพากษาตรงกับความจริง ซึ่งกรณีนี้เป็นที่น่าเสียดายที่มาปรึกษาช้าไป กระบวนการตอนนี้อุทธรณ์ก็ไม่มีแล้ว เพราะว่ามีการประกาศขายทอดตลาดแล้ว แล้วก็ทราบว่าเคยไปเจรจาไกล่เกลี่ยในชั้นบังคับคดีแล้ว และในชั้นบังคับคดีมันก็เป็นสิทธิ์ของโจทย์ โจทย์จะมาไกล่เกลี่ยหรือไม่ก็ได้เป็นสิทธิ์ของโจทก์ ตอนนี่แนะนำได้ว่าตอนนี้ก็คือมีสิทธิ์เดียวก็คือไปสู้ราคาในการขายทอดตลาด หากสามารถสู้ราคาได้ก็มีสิทธิ์ที่จะได้บ้านหลังนี้กลับคืนมา แต่ว่าต้องชำระเงินภายใน 30 วัน ก็ยังมีเวลา 30 วันหลังจากที่ไปสู้ราคาขายทอดตลาดไปหาสถาบันการเงินไปหาเงินอะไรมาก่อนก็ได้ เพื่อไปชำระตามเงื่อนไขของบังคับคดีก็ถึงจะได้บ้านหลังนี้กลับคืนมา

ทนายโป้งยังแนะนำสำหรับประชาชนที่มีหมายศาลมาให้ตรวจดูว่าหากมีเอกสารทางราชการมาอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือแจ้งหรือเป็นหนังสือบอกกล่าวทวงถาม เป็นใบทวงหนี้ หรือกระทั่งมีหมายศาลมาก็แล้วแต่ คนแรกที่คุณต้องไปหาก็คือทนายความไปถามเขาว่าเอกสารนี้คืออะไรแล้วเราจะต้องไปประสบพบเจออะไรทนายความก็จะอ่านเอกสารนั้นและตรวจสอบข้อเท็จจริง ดูว่ามันถูกต้องตรงกันไหมถ้าหากมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนข้อเท็จจริงหรือข้อกฏหมาย ทนายความเขาก็ทำการยื่นคำให้การต่อสู้คดีเพื่อให้ศาลจะได้พิพากษาตรงกับความเป็นจริงครับที่จะช่วยคุณได้

คุณอาจสนใจ

Related News