สังคม

ศาลสั่งขายที่ดิน 'บ.แวกซ์ กาเบ็จฯ' อีก 1 แปลง เพื่อนำเงินไปเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

โดย parichat_p

21 ก.พ. 2566

118 views

ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลชัั้นต้น ให้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของบริษัท และกรรมของบริษัทแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซนเตอร์ จังหวัดราชบุรี ซึ่งจะทำให้กรมบังคับ เดินหน้าขายทอดตลาด ที่ดินอีก 1 แปลงจากทั้งหมด 20 แปลง เพื่อนำเงินไปเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบต่อได้ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินมาก่อนแล้ว 19 แปลงรวม ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ชาวบ้าน 725 คน ที่ชนะคดีก็ยังไม่มีใครได้รับเงินเยียวยาดังกล่าวแม้แต่คนเดียว


ชาวตำบลน้ำพุ อ.เมือง ราชบุรี ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ และน้ำที่ดิน ซึ่งปนเปื้อนขยะเคมี เดินทางไปฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ กรณีที่กรรมการ และบริษัทแวกซ์ กาเบ็จ รีไซเคิล เซอนเตอร์ ยื่นขอทุเลาในการขายนำที่ดินอีก 1 แปลง จากทั้งหมด 20 แปลงของกรรมการบริษัทฯคนหนึ่ง ให้กรมบังคับคดีขายทอดตลาด เพื่อนำเงินไปเยียวยาชาวบ้านทีได้รับผลกระทบจากสารเคมีดังกล่าว


คดีนี้เริ่มมาจากที่ชาวตำบลน้ำพุ ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากโรงงานแว๊กกาเบจฯ กรณีได้รับผลกระทบทั้งจากกลิ่นเหม็นขยะ และน้ำเสียที่ปนเปื้อนลงแหล่งน้ำใต้ดิน ซึ่งชาวบ้าน ได้รวมตัวกันฟ้องเป็นกลุ่ม หรือเรียกว่าคลาสแอคชั่น และชนะคดีซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศที่มีการฟ้องลักษณะนี้และชนะคดี โดยชาวบ้าน รวม 725 คน ยื่นหลักฐานการได้รับผลกระทบต่อศาล พร้อมเรียกเงินเยียวยาต่อสุขภาพและทรัพย์สินทางการเกษตร รวมกว่า 100 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม คดีนี้ทั้งสองฝ่ายยื่นอุทธรณ์ โดยชาวบ้านอุทธรณ์ในประเด็นว่า ค่าเยียวยาให้ชาวบ้านที่ยึดเกณฑ์ตามภัยธรรมชาติ ถือว่าเป็นตรงความจริงที่ภัยนี้ เกิดจากการจงใจของผู้ประกอบการ ส่วนฝ่ายโรงงานก็อุทธณ์คำสั่งศาลชั้นต้นทุกประเด็น โดยเฉพาะการยืนยันไม่ใช่ผู้ก่อมลพิษดังกล่าว // อย่าไรก็ตาม คำพิพากษาศาลชั้นต้น มีผลผูกพันธ์ ตามที่โจทก์ขอให้บังคับคคดียึดทรัพย์ของฝ่ายโรงงานที่เป็นจำเลยขายทอดตลาดมาชดใช้ ซึ่งกรมบังคับคดีขายทอดตลาดที่ดินของกรรมการบริษัท ไปแล้ว 19 แปลง ได้เงินกว่า 20 ล้านบาท บวกกับเงินสดที่โรงงานวางไว้ที่ศาล ราว 3 ล้าน รวมเป็นเงินประมาณ 23 ล้านบาท


ขณะเดียวกันพรุ่งนี้จะมีการขายทอดตลาดที่ดิน อีก 1 แปลง แต่ฝ่ายโรงงานยื่นคำร้องศาลอุทธรณ์ ขอให้ทุเลาการขายทอดตลาดดังกล่าวไว้ก่อน จนทำให้ศาลนัด2 ฝ่ายฟังคำสั่งวันนี้ //และผลปรากฎว่าศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้น ไม่รับคำร้องขอทุเลา ทำให้กรมบังคับคดียังเดินขายทอดตลาดที่ดินแปลงนี้ได้


อย่างไรก็ตาม แม้ชนะคดีในศาลชั้นต้นและมีเงินของจำเลยอยู่ในศาลประมาณ 23 ล้านบาท จากจำนวนค่าเสียหายที่ชาวบ้านฟ้องไป 100 ล้าน แต่ชาวบ้านยังไม่ได้รับการเยียว ยาใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากศาลให้เหตุผลว่าคดียังไม่สิ้นสุด//แต่ทนายความก็ตั้งข้อสังเกตุว่า เมื่อค่ำพิพากษามีผลทันและผูกพันธ์ไปถึงการยกคำร้องทุเลาขอฝ่ายโรงงาน จึงขอความเมตตาจากศาลพิจารณาให้ชาวบ้านได้รับเงินเยียวยาเท่าที่มีก่อน เพราะผลกระทบยังเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด หากรอให้คดีถึงที่สุดอาจเดือดร้อนมากกว่านี้ หรือหากในชั้นอุทธณ์หรือฏีกา ศาลมีคำสั่งเป็นอื่น ชาวบ้านก็ต้องปฎิบัติตามอยู่แล้ว


สำหรับคดีหลักคือการอุทธรณ์ของสองฝ่าย ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยชาวตำบลน้ำพุ ที่มาวันนี้ยังเรียกร้องจากรัฐบาลว่า การที่ภาครัฐรองบกลางจากรัฐบาล เพื่อไปขนย้ายขอเสียตกค้างปนเปื้อนสารเคมี โดยไม่มีมาตรการอย่างอื่น เท่ากับยิ่งถ่วงความเดือดร้อนให้ยืดเยื้อออกไป และเรียกร้องว่าหากรัฐบาลจริงจังในการแก้ปัญหามลพิษ ไม่ควรเพิกเฉยให้ยืดเยื้อมานานถึง 20 ปี

คุณอาจสนใจ

Related News