อาชญากรรม

พีอาร์สาว รับงานเอนฯ ถูกลูกค้าข่มขืน พยายามรุมโทรม ผ่านมา 5 เดือนคดีไม่คืบ เผย มีผู้ใหญ่ขอเคลียร์

โดย attayuth_b

21 ม.ค. 2565

1.7K views

น.ส.เอ พีอาร์ สาววัย 28 ปี ซึ่งตกเป็นผู้เสียหายถูกรุมโทรมข่มขืนขณะรับงานเอนท์เตอร์เทนลูกค้าชาย เดินทางเข้าทวงถามติดตามความคืบหน้าคดีที่ สน.คลองตัน หลังถูกรุมโทรมข่มขืนตั้งแต่คืนวันที่ 13 ส.ค.64 จนตอนนี้ผ่านมากว่า 5 เดือนแต่คดียังไม่คืบหน้า อีกทั้งยังมีข้อกังขาในการดำเนินการของตำรวจด้วย

โดยผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนได้รับว่าจ้างให้ไปทำงานเอนท์เตอร์เทนชงเหล้าในงานปาร์ตี้ เมื่อคืนวันที่ 13 ส.ค.64 ผ่านการบอร์ดงาน ซึ่งแจ้งว่าขาดผู้หญิงอีกเพียง 1 คน ตนจึงไปโดยไม่รู้จักใครเลย โดยตกลงรับงานตั้งแต่เวลา 22.00 - 04.00 น. ในราคา 3,500 บาท

เมื่อไปถึงที่โรงแรมดังกล่าว เป็นลักษณะห้องชุด มีห้องนอนในตัว 3 ห้อง พบมีลูกค้าชาย 5 คน และพีอาร์สาวอีก 2 คน จากนั้นตนก็ทำงานตามปกติ มีการกินเหล้า เล่นเกมกัน จนประมาณเที่ยงคืนก็เริ่มมึนเมา ตนรู้สึกอยากอาเจียนจึงเดินไปที่ห้องน้ำที่อยู่ในห้องนอน จังหวะนั้นลูกค้าชายคนหนึ่งเดินตามมาแล้วปิดไฟ ก่อนจะมีลูกค้าชายอีกคนตามมา แล้วทั้งสองคนก็พยายามจะข่มขืนตน แต่ตนวิ่งหนีออกมาได้ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย จึงวิ่งเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำอีกห้อง ตอนนั้นรู้สึกตกใจ ทำอะไรไม่ถูก จึงส่งข้อความไปบอกแฟนว่าจะถูกข่มขืน และตนไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตามมาแล้ว แต่ปรากฎว่าทั้งสองคนตามมา แล้วเอามือถือตนไปก่อนจะลงมือข่มขืนกระทำชำเรา โดยช่วยกันจับแขนตนไว้ไม่ให้หนี ซึ่ง 1 ใน 2 คนได้ลงมือล่วงละเมิดทางเพศส่วนอีกคนนึงถอดเสื้อผ้าเตรียมที่จะร่วมละเมิดด้วยแต่เนื่องจาก

ตนเองร้องให้ทำให้ชายคนแรกพี่ก๋อยอวัยวะเพศไม่แข็งตัว ส่วนอีกคนนึงเมื่อเห็นว่าตัวเองร้องไห้จึงไม่ลงมือ ซึ่งขณะเกิดเหตุตนเองพยายามขอร้องแต่ผู้ก่อเหตุกลับหัวเราะใส่ แล้วถามว่า “ถึงกับต้องร้องไห้เลยหรอ” ซึ่งทำให้สะเทือนจิตใจมาก

หลังจากนั้น ตนได้วิ่งหนีออกมาแต่ทุกคนที่อยู่ในห้องบอกว่าไม่ให้แจ้งความ เพราะจะโดนดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กันหมด ตนจึงรอให้แฟนเป็นคนแจ้งและเดินทางมาถึงก่อน ระหว่างนั้น ผู้ก่อเหตุได้โอนเงินมาให้ตน 21,000 บาท เพื่อไม่ให้ตนแจ้งความ แต่ตนไม่ยินยอม ยืนยันว่าจะดำเนินคดี จึงได้โอนเงินคืนไป

หลังจากนั้นเมื่อแฟนมาถึงพร้อมตำรวจ ทั้งหมดจึงถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ตำรวจไม่ได้ตรวจสอบเก็บหลักฐานกรณีที่ตนบอกว่าถูกข่มขืนเลย โดยผู้ก่อเหตุยังได้พูดกับตำรวจว่า “พี่ช่วยผมด้วยนะ” หลังจากนั้นตนจึงได้แจ้งความ และวันรุ่งขึ้นก็ถูกส่งไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ

ปรากฎว่าหลังจากนั้น ตำรวจเป็นคนแจ้งผลการตรวจร่างกายว่าไม่พบร่องรอยการข่มขืน ซึ่งตนยืนยันว่าตนถูกข่มขืนและมีการสอดใส่จริงๆ จึงสงสัยในกระบวนการดำเนินคดี เพราะตนเองก็ไม่เคยได้เห็นใบแจ้งผลการตรวจร่างกาย อีกทั้งแฟนยังได้ไปดูในห้องที่เกิดเหตุ ก็เจอถุงยางอนามัยใช้แล้วตกอยู่ จึงเก็บมาให้ตำรวจตรวจสอบ แต่ตำรวจแจ้งผลว่า ดีเอ็นเอบนถุงยางอนามัยไม่ตรงกับทั้งผู้ก่อเหตุและตนเอง จึงทำให้ตนรู้สึกกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี

นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังได้เปิดเผยคลิปเสียงที่มีการพูดคุยกันกับชายคนหนึ่งที่ผู้เสียหายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลักษณะพยายามไกล่เกลี่ย โดยอ้างว่ามีการพูดคุยกันกับผู้ใหญ่แล้ว จึงขอให้ตนรับเงินแล้วจบเรื่อง หากไม่พอใจในจำนวนเงิน จะเรียกเพิ่มเท่าไหร่ก็จะไปคุยกับผู้ใหญ่ให้ ซึ่งตนก็บอกว่าไม่ยินยอม ต้องการจะดำเนินคดีเท่านั้น

อย่างไรก็ตามตนเองก็เพิ่งจะมารับงานเอนท์เตอร์เทนได้ไม่นาน เนื่องจากตกงานในช่วงโควิด-19 จึงไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่หลังจากนี้หากจะรับงานแบบนี้อีก ก็คงจะเลือกเฉพาะโมเดลลิ่งที่รู้จักและไว้ใจได้เท่านั้น เพราะเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจมากจนมีอาการซึมเศร้าและยังไม่สามารถกลับมาทำงานได้

ด้านนายบุญมี จอมหงษ์ ทนายความ ระบุว่า ในการจะดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ได้มีหลักฐานเป็นข้อความแชททางไลน์ที่ผู้เสียหายส่งหาแฟนในขณะเกิดเหตุ หลักฐานการโอนเงิน 21,000 บาท เพื่อปิดปากและให้เรื่องเงียบหาย แต่ผู้เสียหายไม่รับและโอนเงินคืน โดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

โดยเบื้องต้น ตำรวจแจ้งว่า พนักงานสอบสวนจะส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมสำนวนให้กับพนักงานอัยการในวันที่ 27 ม.ค.นี้ ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะการรุมโทรม แต่ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ ตนได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ให้สอบปากคำแฟนของผู้เสียหายที่ได้พูดคุยกับสาวเอนท์เตอร์เทนรายอื่นที่อยู่ในที่เกิดเหตุ และให้ตรวจสอบพยายหลักฐานเรื่องผลการตรวจร่างกายและถุงยางอนามัยอีกครั้ง เพื่อเป็นประจักษ์พยานประกอบสำนวน ซึ่งหากพนักงานสอบสวนไม่ดำเนินการให้ถึงที่สุด จะยื่นเรื่องกับพนักงานอัยการต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News