เจอแล้ว 'มือ' นศ.สาว ใส่ถุงโยนทิ้งริมคลอง ย้อนประวัติฆาตกรพบเคยทำร้าย ด.ญ.วัย 13

ความคืบหน้าคดีฆ่าหั่นศพนักศึกษา ที่ปทุมธานี ล่าสุด เจ้าหน้าที่เจอข้อมือทั้ง 2 ข้างเเล้ว ในสภาพยัดใส่ถุงดำเอาไปโยนทิ้งคลอง ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร ตรวจสอบประวัติเพิ่มเติม พบผู้ก่อเหตุ เคยมีคดีทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดเด็กหญิงอายุ 13 ปี เมื่อ 2 ปีที่แล้ว



จุดที่ผู้ก่อเหตุโยนมือของผู้ตายทิ้ง อยู่ที่บริเวณสะพานบางพูน ริมคลองเชียงราก โดยยัดใส่ไว้ในถุงพลาสติกใส-ซ้อนด้วยถุงดำอีกชั้น



เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ผู้ก่อเหตุตั้งใจโยนทิ้งคลองแต่ไปติดอยู่ที่ริมตลิ่ง จุดนี้อยู่ห่างจากบ้านหลังที่เกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร และห่างจากจุดทิ้งศพใต้ทางด่วนประมาณ 3 กิโลเมตร



อีก 1 หลักฐานที่ตำรวจเจอ คือ กล้องวงจรปิดช่วงเช้ามืดวันที่ 5 มิถุนายน เวลา 04.43 น. จะเห็นผู้ก่อเหตุขี่มอเตอร์ไซต์มาจอดริมคลองเชียงราก จากนั้นเดินลงมา พร้อมกับหิ้วถุงดำโยนทิ้งลงไปในคลอง แต่คาดว่าตอนโยนไปติดกับสายเคเบิล-ทำให้ถุงไปติดอยู่ริมตลิ่ง ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซต์ย้อนกลับไป เเละเคลื่อนย้ายศพออกไปทิ้ง



นายนิธาน ชื่นชนกพิบูล อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดปทุมธานี ที่เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุเป็นคนแรก และเข้าไปร่วมตรวจสอบพร้อมกับตำรวจ บอกว่า ตอนที่ลงไปดูพบว่าถุงมันแตก พอใช้ไม้เขี่ยดูจึงพบว่าข้างในมีชิ้นส่วนมือมนุษย์



จากนั้น บ่าย 3 โมง 15 นาที เจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ เข้าสำรวจประมาณ 10 นาที ก่อนจะนำถุงดำมาแกะ พบว่าข้างในถุงมีมือ 2 ข้าง นิ้วมือทั้งสองข้างยังอยู่ครบตามปกติ ที่ข้อมือมีรอยถูกตัดด้วยของมีคม



นอกจากนี้ยังพบชุดนอนสีครีมขอบแดง กางเกงชั้นในสตรีสีเทาเข้มหนึ่งตัว ผ้าอนามัยใช้แล้ว 2 แผ่น ซองใส่ขนม และซองใส่ทิชชูเปียก และก้อนผม ซึ่งคาดว่าของผู้เสียชีวิต



จากนี้เจ้าที่จะรวบรวมหลักฐานทั้งหมด ไปเปรียบเทียบอัตลักษณ์บุคคล และนำเข้าสู่สำนวนการสอบสวน หากชิ้นส่วนที่พบเป็นของผู้เสียชีวิต ก็จะนำไปประกอบกับร่างของผู้เสียชีวิต และส่งมอบให้กับญาติไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป



พันตำรวจเอก ณรงค์ เอี่ยมระหงษ์ ผู้กำกับการ สภ.ปากคลองรังสิต บอกว่า การค้นหาข้อมือตำรวจต้องไล่วงจรปิดเอง เพราะผู้ต้องหายังไม่ให้ความร่วมมือ



ส่วนกรณีที่ครอบครัวผู้ก่อเหตุ อ้างว่า ลูกชายยังอยู่ในอาการวิกฤต ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ตำรวจยืนยัน ว่าไม่จริง เพราะพนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังแพทย์เจ้าของไข้ ทราบว่าขณะนี้อาการดีขึ้น สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จากนี้จะถูกคุมตัว ไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจทันที



นอกจากคดีฆาตกรรม วันนี้ยังมีการเปิดเผยหลักฐานวงจรปิด คดีทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดเด็กหญิงอายุ 13 ปี เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วง 4 ทุ่ม วันที่ 30 ธันวาคม 2565 เป็นนาทีที่ผู้ก่อเหตุลงมือทำร้ายร่างกายเด็กหญิง ภายในการเคหะเเห่งหนึ่ง จากภาพจะเห็นว่าผู้ก่อเหตุ ต่อยและบีบคอจนสลบ เมื่อเด็กหญิงฟื้นขึ้นมา



ผู้ก่อเหตุพาเข้าไปที่บริเวณป่าด้านหลัง และทำอนาจาร ก่อนจะพาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ เเละบอกว่าจะพาไปฝังดิน แต่สุดท้ายเด็กหญิงก็พยายามทำให้รถล้ม จนมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยไว้ได้



ขณะที่แม่ของผู้เสียหาย บอกว่า วันเกิดเหตุลูกสาวบอกว่า ขอลงไปหารุ่นพี่ผู้หญิงที่ทำงานขายของด้วยกัน แต่พอลงไปกลับไปเจอผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย ชนวนเหตุมาจาก ผู้ก่อเหตุขายโทรศัพท์มือถือให้ลูกสาวเธอ ในราคา 800 บาท ผ่อนไป 300 บาท เหลืออีก 500 บาท ทันทีที่เจอหน้าลูกสาวก็ตรงเข้าไปทำร้ายทันที แม้จะโดนตำรวจ สน.คันนายาว จับในวันนั้น แต่จนถึงวันนี้ผ่านมาปีกว่า คดีเพิ่งจะอยู่ในชั้นศาล และนัดไต่สวนพยานปากแรกในวันที่ 28 สิงหาคมนี้



แม่ผู้เสียหายบอกว่า เวลาเจอกันตอนไกล่เกลี่ยคดี ผู้ก่อเหตุไม่มีท่าทีที่จะสำนึกผิด เคยเสนอเงินให้ 1 หมื่นบาทเพื่อขอให้ยอมความ แต่เธอไม่ยอม เพราะสิ่งที่เขาทำรุนแรงมาก



เมื่อวานนี้พอเธอเห็นข่าว เป็นชื่อของผู้ก่อเหตุก็รู้สึกตกใจมาก สงสารพ่อแม่ของทั้งคู่ และคิดว่าถ้าวันนั้นลูกสาวไม่มีสติแล้วหนีออกมา อาจจะโดนแบบนี้หรือไม่