อาชญากรรม

พิพากษายืนประหารชีวิต 'บรรยิน' ฆ่า 'เสี่ยชูวงษ์'

โดย panwilai_c

25 ส.ค. 2565

199 views

ศาลอุธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ประหารชีวิต พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ในคดีฆาตรกรรมนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ในชั้นอุทธรณ์ เนื่องจากมีพยานหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า นายชูวงษ์เสียชีวิตมาจากการถูกของแข็งตีศีรษะ และใช้อุปกรณ์ทำให้คอหัก ขณะที่พี่สาวพอใจคำพิพากษาที่รอมา 7 ปี



ศาลอาญาพระโขนง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ลงโทษประหารชีวิต พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ หลายสมัย เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้



โดยคดีนี้ภรรยา และพี่สาวของนายชูวงษ์ ร่วมทั้งพนักงานอัยการ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.ต.บรรยิน หลังจาก นายชูวงษ์ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ ชนต้นไม้เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนโดย มี พ.ต.ท.บรรยิน จำเลย เป็นคนขับชนต้นไม้ริม ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 เขตประเวศ ทำให้นายชูวงษ์ ถึงแก่ความตาย



ศาลอุทธรณ์ฟังว่าวันเกิดเหตุ จำเลยออกจากสนามกอล์ฟและอยู่กับผู้ตายเป็นคนสุดท้ายในเวลา 20.11 น. โดยไปถึงบริเวณริม ถ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ในเวลา 22.21 น. ทั้งที่ห่างจากสนามกอล์ฟเพียง 37 กม. ปกติใช้เวลาไม่น่าเกิน 10 นาที แต่จำเลยใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง และขับรถด้วยความเร็ว 80 กม.ต่อชม. และหักหลบรถที่แซงตัดหน้า ทำให้รถไปชนต้นไม้ และผู้ตายไม่คาดเข็มขัดนิรภัย



แต่จากพยานหลักฐานของผู้เชี่ยวชาญจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มาร่วมพิสูจน์ความเร็วของรถ พบว่ารถขับมาด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สาเหตุการตายไม่ได้เกิดจากขับรถไปชนต้นไม้ แต่เกิดจาการถูกตีด้วยของแข็งที่หลังศีรษะ และคอถูกรัดจนคอหักเมื่อพิจารณาจากรอยแผล เปลือกตา ม่านตา และอาหารในกระเพาะเชื่อว่านายชูวงษ์เสียชีวิตก่อนที่รถจะเกิดอุบัติเหตุชนต้นไม้ และพบสัญญาณโทรศัพท์ที่ พ.ต.ต.บรรยินย่านบางโฉลง ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่ผู้ตายเสียชีวิต



ซึ่งสาเหตุการฆาตรกรรมน่าจะมาจากการโอนหุ้นให้กับ นส.กัณฑนา และ นส.อุรชา ซึ่งมีความสัมพันธ์กับจำเลย เชื่อว่าจำเลยต้องการปกปิดการโอนหุ้นไม่ให้ผู้ตายรู้ จึงชักชวนผู้ตายมาตีกอล์ฟ ก่อนร่วมกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาดำเนินคดีใช้ของแข็งประทุษร้ายจนตาย จากนั้นจำเลยขับรถและใช้มือซ้ายประคองร่างมา เพื่ออำพรางว่าเป็นคดีอุบัติเหตุ จึงพิพากษายืนให้ประหารชีวิตตามศาลชั้นต้น



ภายหลังฟังคำพิพากษา นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาวนายชูวงษ์ ระบุว่าวันนี้ครบ 7 ปี การสืบพยานมีความยากลำบาก เพราะจำเลยเป็นผู้รู้กฎหมายและเป็นอดีตตำรวจ การที่เราสามารถสืบพยานจนศาลลงโทษประหารจำเลยได้ ต้องขอบคุณกองปราบปราม และกองพิสูจน์หลักฐาน ที่เก็บหลักฐานด้วยความยากลำบาก



นางวันเพ็ญ ซึ่งเป็นโจทย์ร่วมฟ้องยังกล่าวว่า เท่ากับจำเลยคดีนี้ถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ประหารชีวิตทั้ง 2 คดี คือคดีฆ่าเสี่ยชูวงษ์และคดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา จึงเห็นว่าจำเลยมีความผิดซ้ำซาก และหากจำเลยยื่นฏีกา ก็คาดว่าศาลจะใช้เวลาพิจารษาไม่นาน ที่ผ่านมาอยู่อย่างหวาดผวา ส่วนคดีการโอนหุ้น ขณะนี้ยังอยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์รอการตัดสิน

คุณอาจสนใจ