ศาลฎีกาพิพากษายืนให้ประหารชีวิต 'บรรยิน' คดีฆาตกรรมอำพราง 'เสี่ยชูวงษ์'

ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้ประหารชีวิตพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ จำเลยในคดีฆาตรกรรมอำพรางนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เมื่อ 9 ปีก่อน โดยมีญาตินายชูวงศ์ เดินทางมาร่วมรับฟัง พร้อมขอบคุณศาลที่ให้ความเป็นธรรม และคำพิพากษา ประหารชีวิต พ.ต.ท.บรรยิน นับเป็นคำพิพากษาประหารชีวิตคดีที่ 2 จากคดีฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา


จากคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ซึ่งไม่มีประจักษ์พยานในที่เกิดเหตุ เต็มไปด้วยข้อสงสัย สร้างความยากและสลับซับซ้อน โดยช่วงแรกเตรียมสรุปว่าเป็นคดีอุบัติเหตุ ตามที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ คนสุดท้ายและคนเดียวที่อยู่กับผู้ตายซึ่งยืนยันว่าประสบเหตุรถชนต้นไม้ จนนายชูวงษ์นั่งข้างคอหักเสียชีวิต ส่วนพ.ต.ท.บรรยินผู้ขับแข้งถลอกเล็กน้อย จนต้องขอย้ายคดีมาที่กองปราบปราม


นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ พี่สาว เพิ่งทำบุญวันครบรอบ 9 ปี ในวันที่ถูกฆาตรกรรมอำพราง ให้นายชูวงษ์เมื่อวานนี้ และได้รับโทรศัพท์ให้ไปฟัง คำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้


จากคดีที่แทบหาหลักฐานไม่ได้ กลับกลายเป็นคดีตัวอย่างได้อีกคดีหนึ่ง ที่หาหลักฐานมาหักล้างคำพูดของพ.ต.ท.บรรยิน ด้วยข้อพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยศาลเชื่ออย่างสิ้นข้อสงสัยจากคำให้การของพยานซึ่งเป็นแพทย์และพิสูจน์หลักฐานว่าผู้ตายถูกของแข็งทุบศีรษะด้านหลังอย่างรุนแรง และถูกรัดที่คอจนคอหัก บาดแผลไม่สอดคล้องกับอุบัติเหตุรถชนต้นไม้ และยังเป็นการเสียชีวิตก่อนที่จำเลย จะขับชนต้นไม้ด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยจำเลยพาผู้ตายออกจากสนามกอล์ฟ ในเวลา 20.11 น. หายไปเกือบ 2 ชม.คาดว่าพาไปแถวย่านบางนา ถึงบางโฉลงโดยมีมือของ พ.ต.ท.บรรยินประคองมาตลอดทาง


อีกทั้งหลักฐานที่ น.ส.อุรชา โบรกเกอร์ โทรหาหลายครั้ง สัญญาณโทรศัพท์อยู่ที่บางโฉลง และก่อนเสียชีวิต 4 วันจำเลยได้มาดูลาดเลาจุดชนต้นไม้ไว้แล้ว จากคดีโอนหุ้นกว่า 228 ล้านบาท จนถึงคดีฆาตรกรรมนายชูวงษ์ และพ.ต.ท.บรรยินยังก่อคดีฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ญาติของนายชูวงษ์ ระบุว่าการตัดสินของศาลฎีกานับว่าสิ้นสุดคดีแล้ว อยากให้กระทรวงยุติธรรมทำตามคำตัดสินของศาล เพราะเป็นคดีร้ายแรง ถูกศาลสั่งประหารชีวิตถึง 2คดี


ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดชผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และเป็นหัวหน้าทีมชุดสืบสวน คดีฆาตรกรรมนายชูวงษ์เมื่อปี 2558 และคดีฆาตรกรรมพี่ชายผู้พิพากษาเมื่อปี ปี 2563 ย้อนคดีให้ฟังว่าเมื่อต่อกรกับผู้มีอิทธิพลและรู้กฏหมายยิ่งต้องพิสูจน์ให้สิ้นข้อสงสัยทุกประเด็น แม้ตอนแรกจะถูกจำเลยขู่ แต่หากจำเลยทั้งหมดยอมตรวจดีเอ็นเอ


ทั้งน.ส.กัณฑณาพริตตี้ และน.ส.อุรชา โบรกเกอร์ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ก็จะกระจ่าง แต่จำเลยไม่มีใครยอมตรวจ กระทั่งมากระจ่างช่วงหลังว่าทั้งสอง ไม่มีใครตั้งครรภ์ กับนายชูวงษ์ผู้ตาย


วันนี้ฝ่ายทนาย และญาติของพ.ต.ท.บรรยิน ไม่มีใครมาฟังคำตัดสินที่ศาลพระโขนง ส่วนพ.ต.ท.บรรยิน ฟังคำพิพากษาผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เร้น จากเรือนจำบางขวาง โดยไม่ได้มีสีหน้าเคร่งเครียด


โดยจำเลยยังเหลือฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาในเร็วนี้ และหากคำตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ ก็จะเป็นจำเลยคนแรกที่ถูกตัดสินประหารชีวิตถึง 2 คดี