คดีการลักลอบเก็บสารเคมีประมาณ 4 พันตัน ในโกดังที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ข่าว 3 มิติเกาะติดมาตลอด วันนี้มีความคืบหน้าในแง่หลักฐานเชื่อมโยงไปถึงเจ้าของสารเคมีนะครับ เพราะเจ้าของโกดังที่เก็บสารเคมี มอบเอกสารหลักฐานของผู้เช่าทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นหลักฐานดำเนินคดีผู้เช่า ข่าว 3 มิติพบว่าหลักฐานดังกล่าวคือเอกสารที่บริษัทเอกอุทัยจำกัด มายื่นให้เจ้าของโกดังช่วยประสานกับธนาคารเพื่อขอสินเชื่อมาซื้อโกดังนี้ แต่ภายหลังที่ธนาคารไม่อนุมัติ ทำให้ต้องทำสัญญาเช่า โดยใช้นอมินีเช่าแทน



นายณรงค์ชัย ศิริวัฒน์เจริญ เจ้าของโกดัง 3 หลังจากจำนวน 5 หลัง ในอำเภอภาชี พระนครศรีอยุธยา ที่ถูกใช้ลักลอบเก็บสารเคมี นำอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมและอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของโกดังตัวเอง หลังผู้เช่าลักลอบนำสารเคมีมาเก็บไว้ที่นี่ ทั้งที่ในสัญญาเช่าระบุว่า เป็นเพียงการเช่าเพื่อจอดรถบรรทุกเท่านั้น



นายณรงค์ชัย ซึ่งเป็นเจ้าของโกดัง 3 หลัง และนายวิวัฒน์ ศักดิ์เจริญชัย ที่เป็นเจ้าของโกดังอีก 2 หลัง ยืนยันกับเจ้าหน้าที่ในวันนี้เพื่อให้ความร่วมือแก้ไขปัญหาทุกอย่าง เพราะผู้เช่าทั้งทำผิดสัญญา สร้างความเสียหายให้โกดัง และชุมชน โดยเฉพาะนายณรงค์ชัย ที่ยืนยันแม้ผู้เช่าจะเป็นนิมินี แต่ก็มีหลักฐานเชื่อมไปถึงผู้มาติดต่อตั้งแต่แรก ที่ชื่อโอภาส



หลักฐานที่นายณรงค์ชัย นำไปมอบให้อธิบดีกรมโรงงานและฝ่ายกฎหมาย คือเหตุการณ์ที่นายโอภาส ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าของบริษัทเอกอุทัย ต้องการซื้อโกดังนี้ ซึ่งนายณรงค์ชัย ก็ต้องการขายเช่นกัน ระหว่างนั้นนายโอภาส นำเอกสารหลักฐานการเงินทั้งหมด เพื่อขอให้นายณรงค์ชัย ติดต่อกับธนาคารเพื่อขอสินเชื่อ แต่ผ่านไป 2 ธนาคารแล้ว ธนาคารไม่อนุมัติ จึงเปลี่ยนมาทำสัญญาเช่า



นี่อาจเป็นข้อมูลแรกๆ เกี่ยวกับผู้เช่าโกดังที่ถูกเปิดเผยต่อที่ประชุม และจะนำไปสู่การขยายผลไปหาเจ้าของสารเคมีโดยตรง

แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าของโกดังทั้ง 2 ก็ต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วยฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต และกรมโรงงานอุตสาหกรรมีคำสั่งทางปกครอง ให้เจ้าของโกดังทั้งสองย้ายสารเคมีออกภายใน 30 มีนาคมนี้



อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ระบุว่าตอนนี้ต้องแก้ปัญหาเร่งด่วนคือสูบน้ำในทางระบายน้ำหน้าโกดัง เข้าแท้งค์แล้วนำกลับมาเก็บในโรงงานเพื่อไม่ให้ปนเปื้อนได้อีก ส่วนลำรางด้านหลังโกดัง จะทำคันดินล้อมไว้ป้องกัการชะล้าง ทั้งหมดนี้เป็นมาตรการชั่วคราวระหว่างดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง



ตอนนี้มาตรการเบื้องต้นค่อนข้างชัด แต่ปัญหาคืองบประมาณดำเนินการ ซึ่งเจ้าของโกดังยืนยันว่าจะเดินหน้าสู้คดีโดยไม่มีเงินสำรองจ่ายเพื่อบำบัด เช่นเดียวกับภาครัฐที่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องงบประมาณ ทำให้ที่ประชุมลงความเห็นว่าจะตั้งคณะทำงานระดับจังหวัดขึ้น เพื่อประสานงานด้านงบประมาณทั้งระยะเร่งด่วนที่ต้องแก้ปัญหาน้ำในทางระบายน้ำ ในลำราง และระยะยาวคือย้ายสารเคมีทั้งหมดออกจากโกดัง ขณะที่เอกสารหลักฐานผู้เช่าโกดังที่เป็นเจ้าของกากเคมีเหล่านี้ สภ.ภาชีจะนำเป็นหลักฐานเพื่อดำเนินคดี