สังคม
โผล่อีกราย! สาวถูกสวมรอยที่อยู่ ปลอมลายเซ็นจัดตั้ง 4 บริษัท วอนหน่วยงานตรวจเข้ม ก่อนอนุญาตจดแจ้ง
โดย petchpawee_k
31 ม.ค. 2568
605 views
โผล่เพิ่ม! ชาวบ้านประชาอุทิศ 90 เขตทุ่งครุ ถูกสวมรอยที่อยู่-ปลอมลายเซ็นเป็นพยานจัดตั้งบริษัท ชื่อเดียวกว่า 4 ที่ก่อนรุดแจ้งความ ผงะไลน์นอมินีแชทหาให้ถอนแจ้งความพร้อมเยียวยา 2 พันบาท ล่าสุดย้ายที่อยู่ตั้งบริษัทไปแถว ซอยสังคมสงเคราะห์ 24 เขตลาดพร้าว ทีมข่าวลงพื้นต่อ พบเป็นบ้านอยู่อาศัยของ เจ้าของบ้าน ยัน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมเล่าก่อนหน้านี้เคยถูกสวมรอยหลอกเหยื่อสูญหลังล้านมาแล้ว
จากกรณีที่ทีมข่าวช่อง 3 นำเสอนข่าวประชาชนถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญเสียเงินกว่า 1.2 ล้านบาท และให้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อนิติบุคคล ซึ่งจากการตรวจสอบในเวลาต่อมาพบว่านิติบุคคลรายดังกล่าว แจ้งที่ตั้งสำนักงาน โดยเจ้าบ้านไม่อนุญาตให้ใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงาน ซึ่งเข้าข่ายเป็นบริษัทไม่มีสถานที่ตั้งหรือเรียกง่ายๆว่าสวมรอยจัดตั้งและเป็นบริษัทผี และจัดตั้งเป็นบริษัทบัญชีม้า จนหลายคนตั้งข้อคำถามเรื่องการจดแจ้งบริษัทอาจมีช่องโหว่ให้มิจฉาชีพทำผิดกฏหมายได้ง่ายหรือไม่ พร้อมเรียกร้องให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าออกมาเคลื่อนไหวถึงแนวทางป้องกันกรณีดังกล่าว
กระทั่งเมื่อวันก่อนเพจกรรมกรข่าว ได้มีการนำเสนอเคสนี้ ปรากฏว่ามีผู้เสียหาย ส่งเรื่องเข้ามาว่า มีถูกนำลายมือชื่อไปจดเป็นพยานรับรองการจัดตั้งบริษัท โดยผู้เสียหายไม่ได้ยินยอมหรือทราบเรื่องแต่อย่างใด ซึ่งมีถึง 4 บริษัทที่ถูกนำชื่อไปใช้
โดยที่ไปที่มาเริ่มจาก วานนี้ (30 ม.ค.68) คุณปุณยนุช หรือครูบูม ซึ่งเป็นคุณครูสอนอยู่ที่ จ.น่าน ถูกแฮ็กเฟซบุ๊ก เธอเล่าให้ทีมข่าวฟัง ว่า หลังจากถูกแฮ็กเฟซบุ๊ก ได้มีมิจฉาชีพ ปลอมเป็นตัวเอง ทักแชทไปหาสาวคนสนิทว่าให้โอนยอดเงินค่าสินค้าให้ก่อนหน้า ซึ่งปลายทางผู้รับเป็นบริษท พี เพอร์ฟูม จำกัด จากนั้นน้องสาวคิดว่าเป็นเธอจริง และเช็คบริษัทดูเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำหอมจึงเชื่อว่าครูบูมเป็นคนสั่งจริงเธอจึงกดโอนเงินไปจำนวน 5,799.94 บาท เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2567
สุดท้ายพอกลับเข้าเฟซบุ๊กได้ เรื่องถึงโป๊ะขึ้นมาว่าเป็นมิจฉาชีพมาหลอก จากนั้นจึงไปแจ้งความ แล้วไปขอข้อมูลบริษัทที่พาณิชย์จังหวัด จนทราบว่า บริษัทดังกล่าว ถูกจดไว้วันที่ ช่วงต้นเดือน พ.ย.2567 และ เห็นว่ามีชาวต่างชาติสองคนเป็นเจ้าของ เงินทุน 5 ล้านบาท และระบุที่อยู่ๆหนึ่งอยู่ในพื้นที่ ประชาอุทิศ 90 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม. จากนั้นตนจึงพยายามติดต่อหาเจ้าของที่อยู่ ประชาอุทิศ 90 นี้ เนื่องจากเห็นมีรายชื่อ ด้วยการลงลายมือชื่อเพื่อเป็นพยานในการจัดตั้งบริษัท จนเจอในโซเชี่ยลแล้วทักไปสอบถาม ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้หรือไม่อย่างไรจนได้รับคำตอบว่า เจ้าของชื่อตามที่อยู่นี้บอกว่าไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยว่า ถูกนำลายมือชื่อไปเป็นพยานและถูกนำที่อยู่ไประบุเป็นที่จัดตั้งบริษัท
พอคุยกันไปคุยกันมาหนึ่งเจ้าของบ้านหลังดังกล่าวเล่าให้ฟังว่า มีจดหมายส่งมาหลายฉบับเหมือนกันว่าที่อยู่ถูกนำไปใช้เป็นที่จัดตั้งบริษัท รวม 4 บริษัท และเมื่อถามเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องเป็นเจ้าบ้านเท่านั้นถึงเป็นคนเซ็นได้ และเมื่อตรวจสอบข้อมูลกับเจ้าบ้านที่แท้จริงก็บอกว่าไม่รู้เรื่องและไม่เคยยินยอมเช่นกัน จากนั้นจึงแนะนำให้เจ้าบ้าน และลูกบ้านที่ถูกปลอมลายมือชื่อเป็นพยานในการจัดตั้งบริษัทจึงไปแจ้งความดำเนินคดีว่าถูกสวมรอย
ต่อมาทีมข่าวลงพื้นที่บ้านหลังหนึ่งในซอยประชาอุทิศ 90 แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กทม. ซึ่งลักษณะเป็นบ้านของชาวบ้านทั่วๆไป แต่ที่อยู่ดังกล่าวถูกสวมรอยเป็นที่จัดตั้งของ 4 บริษัท คือ
-บริษัท พี เพอร์ฟูม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ผู้เสียหายโอนเงินไป ส่วนอีก 3 บริษัท คือ
-บริษัท มิสเตอร์ ซี ฮันเตอร์ จำกัด
-บริษัท เมกะ ซีล จำกัด
-บริษัท เอสโอเอ ซอลย์ ออฟ จำกัด
ทีมข่าวได้คุยกับคุณกุ๊งกิ๊ง (นามสมมุติ) ซึ่งเธอเป็นบุคคลที่ถูกสวมลายเซ็น เป็นพยานในการจัดตั้งบริษัททั้ง 4 บริษัท กล่าวว่า เริ่มแรกย้อนกลับไปช่วงเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา เริ่มมีจดหมายเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน ทยอยส่งมาที่อยู่บ้านของตน โดยมีคุณปู่เป็นเจ้าบ้าน จดหมายส่งมารวมๆกันเป็นร้อยๆฉบับ จ่าหน้าซองถึง ทั้ง 4 บริษัทดังกล่าว จากนั้นก็เริ่มสงสัยจึงไปตรวจสอบกับกรมพัฒนฯ จนพบว่าทั้ง 4 บริษัทฯ เอาที่อยู่ไปจัดตั้งเป็นสำนักงานใหญ่ จากนั้นกรมพัฒนฯ แนะนำให้ไปแจ้งความ จึงไปแจ้งความไว้
จากนั้นไม่นานปรากฏว่ามีครูบูม ทักไลน์มาว่า ชื่อ-สกุลนี้ หรือไม่ ตอนแรกตอบปฏิเสธไปว่าไม่ใช่เพราะคิดว่าเป็นมิจฉาชีพจากนั้นครูบูมจึงบอกว่าจะไปแจ้งความ จึงเริ่มสงสัยว่าจะไปแจ้งความเรื่องอะไรจึงได้โทรศัพท์พูดคุยกับครูบูมจนกระทั่งครูบูมอธิบายให้ฟังว่า ชื่อ บริษัท พี เพอร์ฟูม จำกัด โกงเงินเขาไป จนตามสืบต่อว่าเป็นบริษัทเกี่ยวกับอะไรกระทั่งเห็นชื่อของเราเองเป็นพยานในการเซ็นจัดตั้งบริษัท
พอเริ่มได้ข้อมูลแบบนี้ ตนจึงเอาชื่อทั้ง 4 บริษัท ไปคัดสำเนาข้อมูลว่าเอาชื่อของตนไปเซ็นเป็นพยานกี่บริษัท สรุปจากเอกสารชัดๆ พบว่า ถูกปลอมลายเซ็นเป็นพยานจัดตั้งบริษัททั้ง 4 บริษัทดังกล่าว พอเห็นก็รู้สึกอึ้ง และแปลกใจว่าเราไปเกี่ยวข้องได้ยังไง จากนั้นจึงไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งครุ ซึ่งตำรวจเองก็สงสัยว่าทำไมกล้าเอาชื่อเอาลายเซ็นไปทำแบบนี้ และพูดทำนองว่าไม่เคยเจอเคสแบบนี้มาก่อน จากนั้นตำรวจแนะนำให้เราติดต่อกับกรมพัฒน์ฯ ว่ามีการไปเซ็นจดทะเบียนที่ไหนอย่างไรจนได้ทราบมาว่า มีการเซ็นอยู่ที่ จ.ชลบุรี
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากแปลกใจตั้งแต่ขั้นตอนในการนำที่อยู่ไปจัดตั้งเป็นบริษัทใหญ่ เพราะกรมพัฒน์ฯ ก็บอกเองว่าการจะจัดตั้งที่อยู่ได้นั้นต้องนำรหัสบ้านไปกรอกข้อมูล อีกทั้งมาปรากฏว่าตนถูกนำชื่อไปเป็นพยานอีก จึงอยากตั้งคำถามว่าแล้วข้อมูลเหล่านี้หลุดไปได้ยังไง
จากนั้นกรมพัฒน์ฯลงพื้นที่มาตรวจที่บ้าน ว่า เป็นสำนักงานใหญ่จริงหรือไม่ หากไม่ใช่สำนักงานใหญ่จริงจะมีการไประบุหมายเหตุไว้ในทะเบียนเว็บไซต์พัฒน์ฯว่า เพราะกรมไม่สามารถลบที่ตั้งบริษัทเองได้เสียจากกรรมการบริษัทยื่นเรื่องเปลี่ยนเองถึงทำได้
จากนั้นไม่นานหลังไปแจ้งความ ปรากฏว่ามีไลน์แปลกๆแอดมา คาดว่าเป็นนอมินีของบริษัทผี ตั้งชื่อไลน์ว่า “Mr.Nobody” ทักเข้ามา ค่อยถอนแจ้งความข้อความระบุว่า
สวัสดีครับ ผมอยากให้คุณพี่ไปถอนแจ้งความบริษัทหน่อยน่ะ มันมีคนเอาเอกสารไปใช้ผิดๆ ผมขอจ่ายค่าชดใช้ให้คุณพี่ 2,000 บาท แล้วก็ทางบริษัทจะยกเลิกชื่อคุณพี่ออกด้วย
โดยคุณกุ๊งกิ๊ง ได้ถามกลับว่า “กี่บริษัทคะ” ซึ่ง Mr.Nobody ตอบกลับอีกว่า “เดะผมขอถามทางเจ้าของก่อนน่ะ”
จากนั้นคุณกุ๊งกิ๊ง ได้ตอบกลับไปว่า “รบกวนจดย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ทั้ง 4 บริษัท และเอาชื่อเราที่ทางคุณนำไปปลอมลายเซ็นเป็นพยานทั้ง 4 บริษัทออกด้วยเช่นกันนะคะ ถ้าดำเนินการเสร็จแล้วรบกวนส่งหลักฐานและทางเราจะไปถอนแจ้งความให้ค่ะ” (อ้างว่าถอนแต่ไม่ถอน)
ซึ่ง Mr.Nobody ตอบกลับมาด้วยการแคปแชทที่ไปบอกทางบริษัท ให้ย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่ ซึ่งคุณกุ๊งกิ๊งเองก็บอกว่า “ ขอบคุณค่ะรอหลักฐานนะคะ และจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมาอีกแต่อย่างใด
คุณกุ๊งกิ๊ง ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า สำหรับการจัดตั้งบริษัทตนอยากให้มีการตรวจสอบเข้มงวดมากกว่านี้ ให้ตรวจสอบเอกสาร ตรวจสอบบุคคลและตรวจสอบที่ตั้งให้เห็นแบบมีตัวตนจริงๆ เพราะบางส่วนที่ตนทราบข้อมูลมาบริษัทที่เป็นบริษัทแบบสุจริตจริงๆบางครั้งจดยากมากแต่ลักษณะแบบนี้ทำไมถึงจดง่ายเหลือเอกสาร อีกทั้งข้อมูลส่วนตัวใดๆถูกนำไปใช้ด้วย อย่างให้เร่งออกมาตราการดูแล
ต่อมาทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลบริษัททั้ง 4 บริษัท ล่าสุดในเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยพบว่าทั้งสี่บริษัทเปลี่ยนที่อยู่จัดตั้งบริษัทใหญ่เป็นบ้านเลขที่…. ตั้งอยู่ภายในซอยสังคมสงเคราะห์ 24 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร ซึ่งข้อมูลพบว่าทั้งสี่บริษัทยังดำเนินการอยู่
1.บริษัท พี เพอร์ฟูม จำกัด จดบริษัท 28 สิงหาคม 2567 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจนำเข้าน้ำหอมทุกชนิด โดยมีชื่อบุคคลรายหนึ่งเป็นต่างชาติเป็นกรรมการบริษัท
2.บริษัท มิสเตอร์ ซี ฮันเตอร์ จำกัด จดบริษัท 3 กันยายน 2567 ทุน 4 ล้านบาท ประกอบธุรกิจการขายส่งปลาและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ โดยมีชื่อบุคคลรายหนึ่งเป็นต่างชาติเป็นกรรมการบริษัท
3.บริษัท เมกะ ซีล จำกัด จดบริษัท 2 กันยายน 2567 ทุน 5 ล้านบาท ประกอบธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้าเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์และชุดชั้นใน โดยมีชื่อบุคคลรายหนึ่งเป็นต่างชาติเป็นกรรมการบริษัท
4.บริษัท เอสโอเอ ซอลย์ ออฟ จำกัด จดบริษัท 9 กันยายน 2567 ทุน 4 ล้านบาท ประกอบธุรกิจการขายทรงเครื่องดินเผาเครื่องแก้วและเครื่อง โดยมีชื่อบุคคลรายหนึ่งเป็นต่างชาติเป็นกรรมการบริษัท
เมื่อทีมข่าวได้ข้อมูลที่อยู่ในการจัดตั้งบริษัทใหม่ของทั้ ง 4 บริษัท จึงลงพื้นที่ตามที่อยู่ดังกล่าว จนพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านอยู่อาศัยของครอบครัวๆหนึ่ง ซึ่งอยู่กัน 5-6 คน และโดยรอบเป็นบ้านประชาชนทั้งสิ้น
จากนั้นเจ้าของบ้านนามสมมุติ คือ คุณแต้ว ออกมายืนยันกับทีมข่าวอันดับแรกว่า บ้านของเธอ เลขที่อยู่ตรงตามที่ 4 บริษัทจัดตั้ง แต่ยืนยันว่าไม่ใช่บริษัท ไม่เคยไปจัดตั้ง แต่บ้านหลังนี้เป็นบ้านสำหรับอยู่อาศัย ขณะเดียวกันไม่เคยรู้จักทั้ง 4 บริษัทแต่อย่างใด
คุณแต้ว ยังเล่าด้วยว่า ก่อนหน้านี้เคยมีเอกสารส่งมาที่บ้านแล้วรอบหนึ่งช่วงปลายปีที่แล้ว และตำรวจ สน.โชคชัย มาหาถึงบ้านว่าเอกสารฉบับนี้มาจาก จ.นครศรีธรรมราช บอกว่าที่อยู่ของเราถูกจัดตั้งเป็นบริษัทไปหลอก ผู้เสียหายรายหนึ่งเป็นจำนวนเงินหลักล้านบาท จึงได้แจ้งความไปแล้วในเบื้องต้น และล่าสุดมีกรณีนี้มาเพิ่มอีก คงต้องไปแจ้งความเพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ก่อนจะอยากฝากทิ้งท้ายถึงหน่วยงานผู้เกี่ยวข้องด้วยว่าให้ดูแลเรื่องนี้ด้วย ให้ตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วนและมีวิธีป้องกันให้ดีกว่านี้ เพราะมาแบบนี้บ่อยๆ เป็นอันตรายอย่างมากอีกทั้งที่บ้านมีผู้สูงอายุและมีลูกเล็กด้วย
แท็กที่เกี่ยวข้อง มิจฉาชีพ ,สวมรอยที่อยู่ ,นอมินี