เพื่อไทยรุมสับ 'ประยุทธ์' ไร้ความสามารถทำเศรษฐกิจประเทศดิ่งเหว จี้ลาออก พร้อมโชว์ป้าย 'หยุดยุทธ์' กลางสภา

วันนี้ (1 ก.ย. 64) ที่อาคารรัฐสภา การอภิปรายไม่ไว้ใจวันที่ 2 ฝ่ายค้าน ยังคงพุ่งเป้าไปที่ตัวพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเน้นประเด็นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการจัดการโควิดที่ล้มเหลวของรัฐบาล

นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การล็อกดาวน์ ส่งผลให้ธุรกิจมากมายต้องปิดตัวลง คนตกงานจำนวนมาก และ อัตราเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ตกต่ำต่อเนื่อง ทั้งที่ปีนี้มีการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวร้อยละ 6

แต่เศรษฐกิจไทยยังติดลบ โดย ปี 63 - 64 ติดลบ ร้อยละ 6.4 แต่ 10 อันดับคนรวยในประเทศไทย กลับมีสินทรัพย์โดยรวมเพิ่มขึ้นถึง 5 แสน 7 หมื่น 6 พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ แต่ด้วยวิกฤติเศรษกิจ พลเอกประยุทธ์ กลับเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวในโลกที่ WFH ในสถานการณ์วิกฤติ

อีกทั้ง ยังก่อหนี้จำนวนมาก 8 ปีที่ผ่านมาในการบริหารประเทศ กู้เงินชดเชย การขาดดุลงบประมาณ และ กู้เงิน ตาม พ.ร.ก.กู้เงินไม่ต่ำกว่า 6 ล้านล้านบาท แม้อาจจะอ้างว่า กู้เงินเพื่อเยียวยาประชาชน แต่หาก บริหารวัคซีนให้ดี ก็คงไม่ต้องกู้เงินจำนวนมากขนาดนี้

ดังนั้นขอให้พลเอกประยุทธ์ ผู้นำที่มาจากการรัฐประหารเป็นคนสุดท้าย และวันที่ 4 กันยายน ขอให้ ส.ส.ลงมติไม่ไว้วางใจ เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีเพื่อรีสตาร์ทประเทศไทย

ขณะที่นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายย้ำถึงความล้มเหลวทางด้านเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ที่ได้รับความเสียหายจากความล้มเหลวในการแก้ไขโควิด19 เพราะสนใจปราบม็อบมากกว่าความเป็นอยู่ประชาชน และปัญหาที่สะสมตั้งแต่ พลเอกประยุทธ์รัฐประหารเข้ามาเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่ใกล้เวลาระเบิด

และตนเองขอเป็นตัวแทนประชาชนในการยื่นฟ้องพลเอกประยุทธ์ ท่่ผิดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 และ มาตรา 55 ว่าด้วยการทำหน้าที่ของรัฐต่อการป้องกันโรคระบาดและการให้ประชาชนได้สิทธิเข้าถึงการรักษา และฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ตัวแทนนายกรัฐมนตรีเตรียมรับเอกสาร ความโกรธแค้นบรรจุคราบน้ำตา ความสิ้นหวัง ของประชาชน

ทั้งนี้ระหว่างที่นายจักรพล กล่าวปิดอภิปรายนั้น ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่นั่งในบริเวณใกล้เคียง ได้ถือกระดาษที่พิมพ์รูปหน้าของพลเอกประยุทธ์ พร้อมข้อความว่า หยุดยุทธ์ แสดงต่อที่ประชุมด้วย