พิษโควิดโชเฟอร์ตกงาน กราบลาแม่ย่านาง ชีวิตลูกแย่ไปต่อไม่ไหว

ข่าวโซเชียล

พิษโควิดโชเฟอร์ตกงาน กราบลาแม่ย่านาง ชีวิตลูกแย่ไปต่อไม่ไหว

โดย nicharee_m

28 ก.ค. 2564

396 views

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ พิษณุ ธนะสังข์ ได้โพสต์ข้อความ “กราบลา ก่อนนะแม่ ชีวิตลูกแย่พาแม่ไปต่อไม่ไหวจริงๆ พร้อมทั้งมีการนำภาพ ชายผู้โพสต์ นาทีนั่งคุกเข่าต่อหน้ารถโดยสารปรับอากาศประเภท 1 สายกรุงเทพ-ภูเรือ ซึ่งถือเป็นภาพ และข้อความที่สะเทือนใจต่อผู้ที่เห็นโพสต์ ดังกล่าว จากนั้น ได้มีผู้เข้ามาแสดงข้อความให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก ทั้ง สู้ๆ เป็นกำลังใจให้คนหลังพวงมาลัยด้วยกันครับ, ผมขับรถตู้ในกรุงเทพครับ ตอนนี้จะขายรถแล้วครับ วิ่งรถก็ให้รับผู้โดยสารได้ครึ่งนึงไม่คุ้มค่าน้ำมันเลย เสี่ยงโควิดอีก, เห็นภาพนี้นี่น้ำตาคลอเลยค่ะ.. สุดจริงๆ, เราเองก็เจอสภาพนี้มาเหมือนกันนึกถึงสมัยที่กินข้าวกล่องนอนร่องกลางอาบน้ำข้างทาง, เห็นแล้วปวดใจเลยครับ เป็นต้น


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังผู้โพสต์ ทำให้ทราบชื่อ คือ นายพิษณุ ธนะสังข์ อายุ 47 ปี อยู่ที่ หมู่ 4 ต.บึงสามพัน อำเภอบึงสามพัน เดิมที มีอาชีพขับรถโดยสารมานานกว่า 20 ปีแล้ว โดยตนเองขับรถโดยสารปรับอากาศประทาง สายกรุงเทพ-ภูเรือ ของบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางบริษัท มีความจำเป็นต้องลดจำนวนเที่ยวในการวิ่งรับ-ส่ง สุดท้ายทางบริษัท ก็ได้มีประกาศให้รถที่วิ่งสายนี้ หยุดวิ่ง ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไม่คุ้มทุนในการวิ่ง แต่ด้วยภาระที่หนักอึ้ง เพราะที่บ้านมีผู้อยู่อาศัย รวมกัน 6 คน


โดยก่อนหน้านี้ทั้งตนเองและภรรยาเป็นคนหารายมาเลี้ยงครอบครัว แต่มาตอนหลังมาภรรยา ประสบอุบัติขาหัก ตั้งแต่เดือน เมษายน ไม่สามารถออกไปทำงานได้ ต้องนอนเป็นผู้ป่วยติดเตียง มิหนำซ้ำภรรยายังตรวจเจอเชื้อมะเร็งระยะสุดท้ายกระจายอยู่ทั่วร่างกาย และบริเวณ 3 จุดใหญ่ๆ ทั้ง สะโพก ไหล่ด้านขวา และกระเพาะปัสสาวะ โดยเฉพาะช่วงกระดูกหลัง ขณะที่ตนเองก็ต้องตกงาน วันนี้ยังโชคดีมีงานทำ เป็นคนขับรถส่งน้ำแข็งของบริษัทแห่งหนึ่ง โดยได้เป็นค่าจ้างวันละ 320 บาท ซึ่งก็แทบจะไม่พอเลี้ยงครอบครัว ที่ผ่านมาภรรยาได้เงินช่วยเหลือประกันสังคม จำนวน 1 หมื่นบาทเศษ โดยทาง ประกันสังคมแจ้งว่า จะจ่ายให้โดยจะแบ่งเป็นจำนวน 3 งวด แต่จนถึงขณะนี้ก็ไม่มีการติดต่อมาอีกเลย


จากการสอบถาม นายพิษณุ ธนสังข์ อายุ 47 ปี เล่าว่า จากการที่โพสเฟสบุ๊คว่า กราบลา ก่อนนะแม่ ซึ่งแม่ในที่นี้หมายถึง แม่ย่านางรถ ซึ่งรถโดยสารประจำทางนั้น ตนได้ใช้ชีวิตบนรถ ไม่ว่าจะเป็น กิน นอน โดยขับรถคันนี้มา 6-7 ปี ตนนั้นมีความรู้สึกผูกพัน และไม่คิดมาก่อนเลยว่าสถานการณ์โควิด จะทำให้ต้องหยุดวิ่งรถ ซึ่งอาชีพรถขับรถโดยสาร ได้ขับมาร่วม 10 ปี ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าต้องมาตกงานเพราะโควิด 19 ซึ่งที่บ้านตอนนี้อาศัยกันอยู่ 6 คน แล้วตนเป็นเสาหลักของบ้าน วันนี้เมื่อตกงานจึงต้องเปลี่ยนอาชีพมาเป็นคนขับรถส่งน้ำแข็งเพื่อเลี้ยงปากท้องคนในครอบครัวทั้ง 6 รายได้ต่อวันอยู่ที่ 320 บาท ซึ่งไม่พอเพียงต่อการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ก่อนหน้านี้ภรรยามีงานทำอยู่เหมือนกัน แต่เพิ่งมาประสบอุบัติเหตุขาหัก และยังได้ตรวจพบเจอมะเร็งระยะสุดท้าย และป่วยติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งวันนี้ทางประกันสังคมของภรรยาได้ช่วยเหลือเงินงวดแรกมาเป็นเงินประมาณหมื่นกว่าบาท เพียงแค่นั้น และไม่ได้มีการช่วยเหลือจากหน่วยงานใดๆทั้งสิ้น ยอมรับว่าวันนี้เดือดร้อน และไม่คิดมาก่อนเลยว่าวันนี้ต้องมาก้มกราบลารถที่ขับมาตลอดที่ทำงาน ส่วนเพื่อนร่วมอาชีพนั้นได้ตกงานเหมือนกันหมด


ส่วนของตนนั้นที่ทำประกันสังคมไว้ ขณะนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาแต่อย่างใดเพราะว่าทางบริษัทแจ้งเหตุผลว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ไม่ใช่พื้นที่สีแดงเข้ม ที่ได้รับการควบคุมสูงสุด จึงไม่ได้รับเงินเยียวยาจากประกันสังคม วันนี้มีความหวังอยากได้เงินเยียวยาจากประกันสังคม เอามาไว้เยียวยาครอบครัวต่อไปอีก




คุณอาจสนใจ

Related News