'วิโรจน์'  จับโกหกรัฐบาลใช้ภาษีประชาชน 600 ล้าน หนุน ‘สยามไบโอไซน์’ การันตีผลิตวัคซีนแอสตราเซเนก้าเพื่อคนไทย แต่กลับไม่พบเงื่อนไขจำกัดการส่งออกในกรอบการทำสัญญา สุดท้าย ถูกเลื่อนส่งมอบออกไปเป็นเดือนพฤษภาคม 2565

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.พรรคก้าวไกล ตั้งคำถามไปยังรัฐบาลเหตุใดจึงการใช้สูตรผสมระหว่างวัคซีนซิโนแวคและแอสตราเซเนก้าทั้งที่ยังไม่มีงานวิจัยที่มากพอมารองรับ เป็นการนำคนไทยมาเป็นหนูทดลอง

และการรับบริจาควัคซีนแอสตราเซเนก้า จำนวน1.5 ล้านโดส จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีการรับมอบไปเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งที่โรงงานผลิตตั้งอยู่ในประเทศ เป็นเพราะวัคซีนแอสตราเซเนก้าที่ผลิตในประเทศไทย ไม่สามารถส่งมอบได้ตามแผนหรือไม่ ทั้งที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยให้คำมั่นสัญญากลางสภา ว่าในไตรมาสที่สาม วัคซีนแอสตราเซเนก้าจะมีเต็มโรงพยาบาล ไม่มีวันถูกตัดคิวหรือคนมาแย่ง เพราะผลิตในประเทศไทย แต่กลับกับมีการจัดหาวัคซีนซิโนแวคอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่แอสตราเซเนก้าเป็นวัคซีนหลักของประเทศ

และที่สำคัญ ตามเงื่อนไขหนังสือมติคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ อนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาทให้กับสยามไบโอไซเอนซ์ ตั้งแต่วันที 25 สิงหาคม 2563 ระบุชัดเจนว่า การส่งออกเพื่อให้ประเทศไทยได้ซื้อวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยเป็นอันดับแรกตามจำนวนความต้องการ แต่เหตุใดรัฐบาลไม่เร่งรัดให้บริบัทสยามไบโอไซเอนซ์ ส่งมอบตามให้ครบตามแผน เพื่อรักษาผลประโยชน์ของคนไทย

และล่าสุดวันนี้ นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณะ ยอมรับว่า การส่งมอบวัคซีนแอสตาเซเนก้า มีแนวโน้มจะขยายการส่งมอบออกไปในเดือนพฤษภาคม 2565 โดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จะส่งมอบวัคซีนแอสตราฯ ให้ไทยประมาณร้อยละ 40 ของกำลังการผลิต หรือประมาณ 5-6 ล้านโดสต่อเดือน พร้อมระบุด้วยว่า ในสัญญาไม่ได้ระบุระยะเวลาการส่งมอบ แต่อย่างไรก็ตามแม้ไม่ได้ระบุเวลาส่งมอบ ก็ควรมีการกำหนดกรอบประมาณการส่งมอบไว้

จึงตั้งคำถามไปยังนายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เหตุใดจึงยอมให้มีการเลื่อนการจัดส่งวัคซีนแอสตราฯ ทั้งหมด 61 ล้านโดส ไปเป็นเดือนพฤษภาคม 2655 เหตุใดไม่ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ความมั่งคงทางวัคซีน จำกัดการส่งออกวัคซีนให้คนไทยได้รับวัคซีนตามกำหนด

นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลตอบคำถามให้ชัดเจน ถึงการไปลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง ก่อนทำสัญญาตกลงหลักการส่งออกวัคซีน โดยปราศจากข้อจำกัดใด ที่นายอนุทินได้ลงนามเอาไว้เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2563 แม้จะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายทันทีก็ตาม แต่จะแย้งกับเงื่อนไขในหนังสือมติคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้อนุมัติงบประมาณ 600 ล้านบาท ให้กับสยามไบโอไซเอนซ์ ตั้งแต่วันที 25 สิงหาคม 2563 ที่ระบุชัดเจนว่า การส่งออกเพื่อให้ประเทศไทยได้ซื้อวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยเป็นอันดับแรก

หรือเป็นการโกหกประชาชน ทั้งๆที่รู้แต่แรกอยู่แล้วว่าไม่สามารถจำกัดการส่งออกได้ แต่ยังทำสัญญากับบริษัทสยามไอโอไซเอนซ์จริงหรือไม่