เลือกตั้งและการเมือง

"วิโรจน์" แฉนโยบายกองทัพสืบทอดจากบิ๊กตู่ ด้าน นายกฯ ลั่นผิดหวัง อภิปรายข้อมูลเดิมๆ มีแต่น้ำ

โดย nutda_t

4 เม.ย. 2567

95 views

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ถึงนโยบายการปฏิรูปกองทัพของรัฐบาล โดยย้ำว่า การปฏิรูปกองทัพ จะทำให้กองทัพมีความโปร่งใส ประชาชนมีความเชื่อใจในภารกิจทหาร และการปฏิรูปกองทัพ ไม่ใช่การทำลายกองทัพ หรือด้อยค่ากองทัพ ตามที่ นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ แต่เป็นการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ กับประชาชนดีขึ้น หากไม่ดำเนินการจริงจัง ทุกการกระทำของกองทัพประชาชนจะตั้งแง่คิดทางลบ หากกองทัพฝืนดำเนินการ ฝืนซื้ออาวุธ โดยไม่สนใจเสียงประชาชน ก็จะทำให้ภาพลักษณ์กองทัพตกต่ำลง และมีกลุ่มก้อนการเมือง ฉวยอคติประชาชนไปตบทรัพย์งบประมาณของกองทัพ พร้อมเปิดเผยว่า ตนมีสายข่าวในกองทัพเรือ ถึงการจัดซื้อเรือฟริเกต วงเงิน 1,700 ล้านบาท มีคนของรัฐบาล พยายามต่อสายจะคุยกับกองทัพเรือด้วย แต่กองทัพฯ ปฏิเสธ และยอมถูกตัดงบเหลือ 850 ล้าน แต่สุดท้ายกองทัพเรือกลับถูกตัดงบประมาณดังกล่าว แม้กองทัพเรือจะขออุทธรณ์ กรรมาธิการงบประมาณ ก็ยังตัดงบประมาณ

นายวิโรจน์ ยังระบุว่า ในอีก 2 ปี เรือฟริเกต ไทยต้องจะต้องปลดระวางลงอีก 1 ลำ ทำให้เหลือเรือฟริเกต ไทยเพียง 3 ลำ อาจทำให้ไม่เพียงพอ ทั้งที่มีความจำเป็น เพราะจะต้องคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางเรือ คุ้มกันเรือน้ำมัน และเรือสินค้า รวมถึงลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน พร้อมยังย้ำว่า การจัดซื้อเรือฟริเกตลำนี้ จะเป็นการต่อเรือรบขนาดใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ เกิดการจ้างงาน และซื้อวัสดุในประเทศมหาศาล ดังนั้น การตัดงบประมาณครั้งนี้ จึงเป็นการตัดโอกาสประเทศ และอาจจะต้องรอถึงปี 2569 กองทัพเรือ ถึงจะสามารถของบประมาณใหม่ได้

นายวิโรจน์ ยังได้เปิดคลิปงานสัมมนาทิศทางอุตสาหกรรมเพื่อความมั่นคง ที่นายสุทิน ระบุขอให้สภากลาโหม จัดซื้อยุทโธปกรณ์ในประเทศ หรือหากซื้อไม่ได้ ก็ขอให้มีเงื่อนไขในการซื้อชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ด้วยว่า นายสุทิน เป็นรัฐมนตรีกลาโหม มีอำนาจสั่งการ แต่กลับขอกองทัพ จึงทำให้รู้สึกสิ้นหวัง และยืนยันได้ว่า หากนายสุทิน เป็นรัฐมนตรีอยู่ จะทำให้ธุรกิจอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มีแต่ความมืดมน

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงการลดจำนวนนายพล ที่รัฐบาลหลอกประชาชน ที่ประกาศในปี 2570 จะลดจำนวนนายพลลงร้อยละ 50 ซึ่งเป็นนายพลที่ไม่มีหน้าที่ที่ชัดเจน โดยตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนนายพลที่ไม่มีความจำเป็นควรเป็นศูนย์ พร้อมเห็นว่า นายสุทิน ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ เพราะจำนวนนายพล จะลดลงอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านโรงเรียนเตรียมทหาร รับจำนวนนักเรียนเตรียมทหารลดลง 150 คน ตั้งแต่รุ่นผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดปัจจุบัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงถือเป็นการตบตาประชาชน ฉกฉวยโอกาสการลดจำนวนนักเรียนเตรียมทหารที่รับเข้าน้อยลงมาอ้างผลงาน เช่นเดียวกับโครงการเออรี่ รีไทร์ ที่ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และงบประมาณบุคลากรของกองทัพ ก็ไม่ได้ลดลง

ส่วนที่ดินราชพัสดุ 12 ล้านไร่ของกองทัพนั้น นายวิโรจน์ ระบุว่า กองทัพบกครอบครอง ถึง 4,500,000 ไร่, กองทัพอากาศ-กองทัพเรือ รวมกัน 1,750,000 ไร่ รวมถึงยังมีที่ดินรกร้าง ทั้งที่เกษตรกรยังขาดแคลนที่ดินทำกิน แต่ที่ดินกองทัพบางส่วนถูกนำไปใช้ทำสวัสดิการธุรกิจ ทั้งสนามกอล์ฟ สถานพักตากอาหาศ และสนามมวย โดยขาดความโปร่งใส ไม่ชี้แจงการจ่ายค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ และมีการทำบัญชีถูกต้องหรือไม่ และที่ผ่านมา รายงานกำไรเพียงเล็กน้อยทุกเหล่าทัพ เพียง 70 ล้านเท่านั้น พร้อมเห็นว่า รัฐบาล ควรนำที่ดินที่เกินจำเป็นของกองทัพ คืนแก่รัฐบาล เพื่อนำไปแบ่งสรรให้ท้องถิ่น สร้างสาธารณูปโภคที่จำเป็น เพื่อให้เกิดความเจริญ และเศรษฐกิจชุมชน

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพ ที่เหตุใดไม่ซื้ออาวุธ กับผู้ประกอบการในประเทศ ที่มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง มีอะไหล่สำรอง และมีวิศวกรซ่อมแซม แต่กลับจัดซื้อกับโบรคเกอร์ ที่อ้างเป็น SMEs และใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ล็อบบี้ เคลียร์เงินทอน ยกเว้นภาษี และนำอาวุธจากต่างประเทศ มาขายให้กับกองทัพ เมื่อชำรุดก็ต้องรออะไหล่นาน หรือปิดบริษัททิ้ง

นายวิโรจน์ ยังเห็นว่า นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในการบริหารกองทัพ ไม่ได้มีนโยบายใดใหม่ แต่เป็นนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จึงขอถามนายสุทิน กล้ามองหน้ากองทัพเรือ ที่ยึดหลัก และรายละเอียด เพื่อให้เกิดการอุตสาหกรรมการต่อเรือในประเทศไทยหรือไม่ และขอให้นายสุทิน หยุดเล่นละครการพัฒนาร่วมกัน เพราะละครเช่นนี้ จะไม่สามารถหวังได้คะแนนเลือกตั้งได้อีกแล้ว เพราะประชาชนกินข้าว ไม่ได้กินช็อกมินต์


ด้าน นายเศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงหลังนายวิโรจน์ อภิปราย ว่า ตนอุส่าห์มาฟังฝ่ายค้าน อภิปรายเรื่องกระทรวงกลาโหม เรื่องกองทัพ จริงๆแล้วก็เรื่องเดิมๆ ผิดหวังนิดหน่อย เพราะเป็นแต่อะไรที่มีแต่น้ำๆ ยืนยันกองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ความมั่งคั่งของใครคนใดคนหนึ่ง เรื่องวาทะกรรมด้อยค่า เรื่องที่บอกว่าภาพลักษณ์ตกต่ำ ใช้IO ดำมืดล้ำลึกเหล่านี้ให้เวลารัฐบาลได้บริหารครบ 4 ปี ประชาชนก็จะตระหนักดีตอนจบ ว่าคนที่ใช้IO คนที่พยายามครอบงำให้คนหน้ามืดตามัวจริงๆแล้วคือใคร

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า สำหรับเรื่องเงินทอน ท่านก็พูดมาหลายครั้งแล้ว และตนก็ได้ย้ำมาตลอดว่าถ้าหากมีเงินทอน ก็ให้นำหลักฐานมา ส่วนเรื่องเรือฟริเกต ที่ท่านเชียร์เหลือเกิน ว่าหากตนพูดกลับไปว่าพวกท่านมีเงินทอน ท่านก็คงไม่พอใจเหมือนกัน เรื่องนี้ควรจะเอาหลักฐานมาพูดกันดีกว่า เรื่องของเรือฟริเกตยังไม่จบ ที่จะมีการสนับสนุนให้มีการต่อในประเทศไทยซึ่งเป็นหลักการที่ดี เพราะมีเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในหลายมิติ ซึ่งเราพยายามพูดคุยกันอยู่ เพื่อให้กองทัพได้ของที่ดีที่สุด


“พยายามฟังมา 40 นาที ก็ยังเข้าใจว่าเป็นฝ่ายค้านที่งงอยู่เหมือนกัน เพราะพวกท่านเคยพูดว่า เอาเรือประมงมารบแทนเรือรบ แต่วันนี้ก็จะมาสนับสนุนให้ซื้อเรือรบอีก งุ่นงงมาก แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องการใช้วาทะกรรม ผมว่าเรามาพูดกันเรื่องเนื้องานดีกว่า เราพยายามที่จะพัฒนากองทัพต่อไป เรื่องการซื้ออาวุธก็จะให้มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต และคำนึงถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ที่ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆจะได้ประโยชน์ จากการที่เราซื้อขายอาวุธด้วย ขอยืนยันอีกครั้งว่ากองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี ขึ้นชี้แจง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. พรรคก้าวไกล หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเกือบตลอดการชี้แจงของนายกรัฐมนตรี

คุณอาจสนใจ

Related News