สลาย #หมู่บ้านทะลุฟ้า 2 รอบ ผู้ชุมนุมแสดงอารยะขัดขืน นอนชู 3 นิ้ว - เปิดจดหมาย 2 พระถูกจับสึก

เลือกตั้งและการเมือง

สลาย #หมู่บ้านทะลุฟ้า 2 รอบ ผู้ชุมนุมแสดงอารยะขัดขืน นอนชู 3 นิ้ว - เปิดจดหมาย 2 พระถูกจับสึก

โดย sujira_s

29 มี.ค. 2564

1.9K views

จากกรณีของช่วงเช้าเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.64) ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าควบคุมพื้นที่และสลายการชุมนุม หมู่บ้านทะลุฟ้า ซึ่งปักหลักชุมนุมบริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล โดยมีถูกจับกุมผู้ชุมนุมไปที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 รวม 67 คน เป็นเยาวชน 6 คน พระสงฆ์ 2 รูป โดยตำรวจ ระบุ ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่เป็นไปตามระเบียบชอบด้วยกฎหมายตามหลักสากล


และเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. ที่หมู่บ้านทะลุฟ้า ข้างทำเนียบรัฐบาล มีการนัดชุมนุมกันเพื่อทวงคืนหมู่บ้านทะลุฟ้า ประณามการสลายและจับกุมที่ไม่ชอบธรรม เรียกร้องปล่อยทุกคนอย่าง ไม่มีเงื่อนไขทันที และยืนหยัดสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำก้อนฟางข้าวมาปะกอบเป็นเวทีปราศรัย ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาเข้าควบคุมพื้นที่ในเวลาต่อมา


โดยทางเฟมินิสต์ปลดแอก อ่านแถลงการณ์ ชี้แจงภาพอุปกรณ์รณรงค์สิทธิทางเพศที่ถูกยึดจากการสลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า ระบุว่า จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่รัฐใช้อำนาจมิชอบเข้าสลายการชุมนุมของหมู่บ้านทะลุฟ้า ได้มีมีขบวนการ IO นำภาพและถุงยางอนามัยไปนำเสนอในลักษณะประจาน หวังให้เกิดความอับอาย


ภาพเซ็กส์ทอยที่พบ เป็นอุปกรณ์สำหรับรณรงค์เรื่องเสรีภาพส่วนบุคคลและเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นในการเข้าถึงความสุขทางเพศของประชาชน เฟมินิสต์ปลดแอกสนับสนุนการยกเลิกมาตรา 287 ให้เซ็กส์ทอยถูกกฎหมายเพื่อให้ประชาชน ทุกคนสามารถเข้าถึงความสุขทางเพศได้อย่างปลอดภัย


ส่วนถุงยางอนามัย เป็นการรณรงค์การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย เฟมินิสต์ปลดแอกสนับสนุนการร่วมเพศโดยมีความยินยอมพร้อมใจ (consent) ป้องกันโรคติดต่อและการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ โดยเราได้แจกจ่ายถุงยางอนามัยให้ประชาชนที่มาเข้าร่วมอย่างทั่วถึง


และกรณีที่ไปเจอภาพป้ายขายบริการ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมรณรงค์การยกเลิก พ.ร.บ ป้องกันและ ปราบปรามการค้าประเวณี เฟมินิสต์ปลดแอกสนับสนุนการส่งเสริมสวัสดิการและสวัดิภาพในการทำงานของพนักงานบริการทางเพศ รวมถึงรณรงค์เพื่อคืนคุณค่าศักดิศรีความเป็นมนุษย์และในฐานะพลเมืองของรัฐ


นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์ของเราที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐนำไปโดยมิชอบ เช่น ธงรุ้งขนาดใหญ่ที่เราใช้ รณรงค์สิทธิในการสมรสของกลุ่มเพศหลากหลาย ถุงยางอนามัยสำหรับแจกประชาชน ป้ายรณรงค์ในประเด็นทางเพศอื่น ๆ ที่มีคุณค่าและสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้มากกว่าโล่และ อาวุธของตำรวจควบคุมฝูงชนอย่างหาที่สุดไม่ได้


ทางด้านนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ประณามการ กระทำเจ้าหน้าที่ที่มีการสลายหมู่บ้านทะลุฟ้า และยังจับสึก พระภิกษุที่ร่วมอยู่ในหมู่บ้านทะลุฟ้า เพียงเพื่อให้รัฐมนตรีชุดใหม่ได้เข้าทำเนียบรัฐบาล ถ่ายรูปในวันพรุ่งนี้ ทั้งที่การชุมนุมของ หมู่บ้านทะลุฟ้า ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างสงบและหากจะยังมาสลายอีกครั้งจะนอนบนพื้นถนน และ เชื่อว่าหลังจากนี้หมู่บ้านทะลุฟ้า จะยิ่งใหญ่มากขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ ใหม่ และยกเลิก กฎหมาย มาตรา 112 ด้วย


จากนั้นเวลา 18.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ประกาศให้เวลามวลชน 15 นาที ยุติกิจกรรมชุมนุม หมู่บ้านทะลุฟ้าทันที พร้อมให้สื่อมวลชนออกจากพื้นที่ ซึ่งมีมวลชนบางส่วนนำผ้ายางมาปูพื้นไว้ บนพื้นผิวจราจร นั่งและนอนชูสามนิ้ว แสดงท่าทีอารยะขัดขืนไม่ต่อสู้ใด ๆ ยอมให้จับกุม


โดยหนึ่งในนั้นมีนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ แกนนำคนรุ่นใหม่นนทบุรี ซึ่งการควบคุมตัวเป็นไปอย่างสงบ ไม่มีการใช้กำลัง เป็นการแสดงอารยะขัดขืนโดยเจ้าที่ได้ทำการควบคุมตัวขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา ไปควบคุมไว้ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ชั่วคราว ไม่มีเหตุปะทะรุนแรงแต่อย่างใด


และเมื่อเวลา 18.30 น. ผู้ชุมนุมประกาศยุติการชุมนุม โดยยืนยันข้อเรียกร้องเดิม คือ ให้ปล่อยเพื่อนเรา, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและองคาพายพ ลาออกจากตำแหน่ง, ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยกเลิกกฎหมายอาญา ม.112 และขอให้ผู้คนแยกย้ายกลับบ้าน และมาเจอกันใหม่ในหมู่บ้านทะลุฟ้า V.3


หลังจากประกาศยุติการชุมนุมไม่นาน ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการประกาศขอคืนพื้นที่หน้ารัฐสภา แถวสะพานชมัยมรุเชฐ เนื่องจากต้องการงานทางด้านจราจร และมีความผิดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และมาตรการการควบคุมโรคโควิด-19


และเวลา 19.00 น. ยังมีผู้ชุมนุมบางส่วนยังคงปักหลักอยู่ที่บริเวณหน้าร.ร.ราชวินิต มัธยม หลังจากนั้นเวลา 20.00 น. ตำรวจควบคุมฝูงชนเดินเรียงหน้ากระดานกระชับพื้นที่ บริเวณแยกพาณิชยการ ส่งผลให้ผู้ชุมนุมบางส่วนพากันวิ่งกรูและขี่รถจักรยานยนต์บีบแตรมุ่งหน้าไปยังแยกนางเลิ้ง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ประกาศขอให้มวลชนและสื่อมวลชนอยู่บนทางเท้า ไม่ให้กีดขวางเส้นทางจราจร และขอความร่วมมือให้แยกย้ายกลับบ้าน


และเวลา 20.30 น. ตำรวจยึดคืนพื้นที่ถนนพิษณุโลกได้ทั้งหมด สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เปิดการจราจรตามปกติ มวลชนสลายตัวแยกย้ายกลับ ไร้เหตุรุนแรงมีเพียงเหตุชุลมุนช่วงที่ตำรวจกระชับพื้นที่เท่านั้น เจ้าหน้าที่ กทม.ได้เข้ามาทำความสะอาดพื้นที่ทั้งหมด


ในเวลาประมาณ 21.11 น. ตำรวจควบคุมฝูงชน กระชับพื้นที่ไล่ต้อน ตีวงล้อมมวลชนจนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น โดยมีเสียงดังคล้ายระเบิดขึ้น 1 ครั้ง บริเวณแยกนางเลิ้ง โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต คาดว่าเป็นปาประทัดจากชายชุดขาวซึ่งอยู่ในกลุ่มรถจักรยานยนต์ ไม่ทราบฝ่ายที่ชัดเจน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ประกาศให้เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน อีกชุดซึ่งอยู่แยกยมราชให้ตั้งแนวสกัดจับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ถอยร่นมาจากแยกพาณิชยาการและแยกนางเลิ้ง มีการใช้รถตำรวจเคลื่อนที่เร็วพร้อมอาวุธปืนกระสุนยาง ไล่ต้อนมวลชนไปถึงแยกอุรุพงษ์ จนสลายตัวไปทั้งหมด


ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. สั่งให้กำลังสายตรวจออกตระเวนรักษาความเรียบร้อย โดยเฉพาะพื้นที่สำคัญในกลางเมืองทุกพื้นที่ พร้อมกับเปิดเผยจำนวนผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมไปตอนเช้ามีจำนวน 67 ราย โดยคุมตัวไปที่ตชด.ภาค 1 และผู้ชุมนุมอีก 32 รายชุดหลังไปที่กองบัญชาการกองปราบปรามตำรวจยาเสพติด เนื่องจากหวั่นเกิดความแออัดของสถานที่


นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน เผยแพ่รภาพจดหมายเขียนด้วยลายมือ ลงชื่อ พระประณมกร ปราณีต และพระวิรัช แซ่คู มีเนื้อหาว่า ‘ถึงแม้ว่าจะมีผู้ใดใจโหดร้ายทารุณแย่งชิงผ้ากาสาวพัสตร์ของกระผมไป กระผมก็จะนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ชุดอื่นแทน ซึ่งกระผมมีสิทธิตามพระธรรมวินัย และกฎหมาย จึงขอให้ท่านเจ้าคณะ หรือผู้อื่น ซึ่งเห็นเป็นพยานอยู่ ณ ที่นี้ โปรดทราบ และเป็นสักขีพยานให้แก่กระผม ตามคำปฏิญาณนี้ด้วย บันทึกฉบับนี้ทำขึ้นที่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค.1 เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564 จึงลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน ลงชื่อ พระประนมกร ปราณีต ลงชื่อ พระวิรัช แซ่คู’


โดยสรุปว่า แม้ถูกแย่งชิงผ้ากาสาวพัตร์ไป แต่ก็จะขอนุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ชุดอื่นแทน ยืนยันว่ามีสิทธิตามพระธรรมวินัย และกฎหมาย


จากกรณีที่มีการจับกุมผู้ชุมนุมคัดค้านการสลายหมู่บ้านทะลุฟ้า เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.64) ทั้งในช่วงเช้าและช่วงเย็น เผยจำนวนผู้ถูกจับกุมทั้งหมด 99 ราย โดยมีช่วงเช้า 67 ราย และช่วงเย็น 32 ราย ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.บ. จราจรทางบก


เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้การประกันตัว และเตรียมขั้นตอนนำสู่ศาล ซึ่งจะดำเนินการภายในวันนี้ (29 มี.ค.64) นอกจากนี้ได้มีการตั้งคำถามถึงปฏิบัติการการจับกุมผู้ชุมนุมที่เริ่มตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ (05.00 - 06.00น.) โดยให้เวลาเพียง 3 นาทีในการเก็บข้าวของ


แหล่งข่าวระดับสูง ด้านฝ่ายความมั่งคงเผย ที่ต้องขอคืนพื้นที่ นื่องจากมองว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่แคบ ไม่เหมาะสมกับการทำกิจกรรม และหวั่นจะเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ด้วย รวมทั้งที่สำคัญอยู่ใกล้กับทำเนียบรัฐบาลมากเกินไปจึงจำเป็นต้องเข้าดำเนินการควบคุม เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย โดยที่ผ่านมามีการวิเคราะห์ว่าการที่กลุ่มผู้ชุมนุมมายึดพื้นที่ปักหลักบริเวณนี้


เนื่องจากมีแนวคิดที่จะดำเนินการขยายพื้นที่ชุมนุมเพื่อปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล แต่ยังทำไมได้ เนื่องจากฝั่งที่ผู้ชุมนุมจะปิดได้ยากคือฝั่งถนนราชดำเนินตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ยอมและเป็นเส้นทางหลักในการสัญจร ทางเจ้าหน้าที่จึงเลือกใช้เวลาช่วงเช้าตรู่เข้าดำเนินการ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และขณะนั้นผู้ชุมนุมมีจำนวนไม่มาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย


และจากการแถลงของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 28 มี.ค. โดยเผยว่าได้มีการร้องเรียนถึงการลักลอบใช้ไฟและมีการสร้างห้องน้ำ 5 ห้อง ต่อท่อลงไปที่ท่อระบายน้ำ ซึ่งภายหลังมีผู้เข้ามาร้องเรียนจึงได้พยายามกระชับพื้นที่จนขอคืนพื้นที่


เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam นักข่าวสายทหาร ได้โพสต์ข้อความได้ข้อสรุปว่า 'เนื่องจากวันอังคารนี้ (30 มี.ค. 64) จะมีการถ่ายภาพหมู่ ครม.ใหม่ หน้าสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งหากไม่เคลียร์ คาดจะมีเสียงผู้ชุมนุมตะโกนไล่ รวมถึงหวั่นว่าอาจจะมีการขว้างปาสิ่งของข้ามเข้ามา จึงต้องเร่งเคลียร์พื้นที่'


นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam ได้มีข้อความโพสต์ต่อว่า นายกฯ ได้สั่งการให้ตำรวจดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ตำรวจก็หาจังหวะจนมาถึงเช้าตรู่ของเมื่อวาน เพราะผู้ชุมนุมส่งเสียงตะโกนไล่ทุกครั้งที่มีรถนายกฯ วิ่งเข้าออกที่ทำเนียบรัฐบาล และส่งเสียงดังจนนายกฯ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เสียงที่เข้ามารบกวนสมาธิการทำงาน รวมถึงโรงเรียนข้างๆ ก็ได้รับความเดือดร้อน


นอกจากนี้ เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง สมัชชาคนจน และเครือข่ายประชาชนเพื่ออิสรภาพ นำโดย นายอนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ แถลงข่าวต่อกรณีการสลายหมู่บ้านทะลุฟ้า


นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การอ้าง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ใช้ควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 มาสลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ผิดไปจากเป้าประสงค์ ของกฎหมาย เอากฏหมายเป็นเครื่องมือในการกำจัดผู้เห็นต่างทางการเมือง เพราะข้อเรียกร้องของกลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้าครั้งนี้เป็นข้อเรียกร้องที่แทงใจดำของผู้มีอำนาจ นอกจากนี้ยังพบความพยายามสร้างความชอบธรรมในการสลายการชุมนุมโดยอ้างว่าพบสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่การชุมนุม จึงขอประณามการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ และเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้ร่วมชุมนุมทันที โดยไม่มีเงื่อนไข


เพจเฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์ข้อความระบุว่า 'หยุดดำเนินคดีกับชาวหมู่บ้านทะลุฟ้าทุกคน รัฐต้องรับฟัง ไม่ใช่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับประชาชน'



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/RNowF3apje4

คุณอาจสนใจ

Related News